THiNKNET ได้ทดลองนโยบาย Work from Home ตั้งแต่ Covid-19 ระบาดในประเทศไทยตั้งแต่รอบแรก ผมเลยทำงานอยู่คอนโดในกรุงเทพฯ ตลอดช่วงเวลาที่รัฐบาลขอความร่วมมือให้อยู่บ้านครับ ต้องบอกว่าผมเองได้เห็นมิติใหม่ ๆ ของการทำงานจากที่ไม่เคยเห็นมาก่อน ทั้งเรื่องการประหยัดเวลาเรื่องการเดินทางไปทำงาน การลดปัญหารถติด หรือแม้แต่เรื่องสิ่งแวดล้อม ที่ค่าฝุ่น PM 2.5 ลดลงอย่างเห็นได้ชัดในช่วงที่ทุกคน ทำงาน Work from Home
จนกระทั่งสถานการณ์โควิดรอบแรกเริ่มดีขึ้นรัฐบาลเริ่มผ่อนปรนมาตรการต่าง ๆ ทำให้หลาย ๆ องค์กรเริ่มกลับไปทำงานแบบเดิม ๆ ปัญหาเดิม ๆ ก็เริ่มกลับมา เช่น เรื่องรถติด ค่าฝุ่น PM 2.5 สูงขึ้น แต่กลับกันกับที่ THiNKNET ได้เล็งเห็นถึงข้อดีต่าง ๆ ของการ Work from Home ทั้งผลการทำงานของพนักงานไม่ได้แย่ลง แถมยังดีขึ้นกว่าเดิมอีกด้วย และสำหรับผมยังมีเวลาได้อยู่กับครอบครัวมากขึ้น จนบริษัทประกาศนโยบาย Work from Anywhere เพื่อเปลี่ยนแปลงรูปแบบการทำงานที่ต้องเข้าออฟฟิศทุกวัน เป็นทำงานที่ไหนก็ได้บนโลก แค่มีอินเทอร์เน็ต เป็นไงครับ แค่อินโทรก็เจ๋งแล้ว
คิดถึงบ้านเกิด ก็ไปทำงานที่บ้านสิ (บทบาทลูกกตัญญูต้องมา)
ผมบอมบ์ พิชญวัฒน์ แก้วพรหม เป็น Supervisor UX/UI Designer ที่ THiNKNET ครับ ผมเป็นเด็กภูเก็ตที่ต้องเข้ามาเล่าเรียนและทำงานต่อในเมืองหลวง ซึ่งเด็กต่างจังหวัดก็จะได้กลับบ้านนาน ๆ ที จะได้กลับบ้านก็ต่อเมื่อเป็นช่วงวันหยุดยาว หรือวันพิเศษจริง ๆ เพราะด้วยระยะทางที่ไกลกันมาก ราคาตั๋วเครื่องบินหรือรถโดยสารก็จะมีราคาที่แพง ทำให้กลับบ้านแค่ปีละครั้งหรือสองครั้งเท่านั้น
เมื่อนาน ๆ จะได้กลับบ้านแบบนี้คนที่บ้านก็คิดถึงเรา เราก็คิดถึงเขา ยิ่งโดน Covid-19 กีดกันอีกก็ยิ่งคิดถึงยิ่งขึ้น แต่โชคดีที่ทางบริษัทมีนโยบาย Work from Anywhere ทำให้ความคิดถึงนี้หายไป เพราะว่าเราสามารถทำงานจากที่ไหนก็ได้ จังหวัดไหนก็ได้ แบบนี้ผมก็เลยวางแผนการเดินทางกลับบ้านในทุก ๆ เดือน ซึ่งไม่ได้มีผลกระทบกับงานที่รับผิดชอบอยู่แล้ว เนื่องจากทางบริษัทได้มีการทำข้อตกลง วางเงื่อนไขต่าง ๆ ให้แต่ละทีมบริหารจัดการกันเองได้เลย แต่ต้องคำนึงถึงความเหมาะสม และสามารถทำงานร่วมกับผู้อื่นได้อย่างราบรื่น หรือไม่ไปรบกวนใครที่ไม่ใช่เวลาทำงานของเขา
อีกทั้งทางบริษัทของเราที่ได้ขึ้นชื่อบริษัทที่ใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยแก้ไขปัญหาของผู้อื่นแล้ว ตอนนี้เราก็ได้พัฒนาระบบที่ช่วยให้เราสามารถจัดการกับทำงานในรูปแบบที่ยืดหยุ่นมากยิ่งขึ้น ไม่จำเป็นต้องเข้าออฟฟิศอีกต่อไป มันทำให้ทุกอย่างง่ายขึ้นไปอีกด้วย
ตั้งแต่บริษัทเริ่มใช้นโยบาย Work from Anywhere ผมกล้าพูดได้เลยว่าเป็นปีที่ผมกลับบ้านบ่อยที่สุด ตั้งแต่จากที่บ้านมาในช่วงที่ผ่านมาผมกลับบ้านไปเยี่ยมพ่อแม่ ไปทำงาน และยังพาเพื่อน ๆ ที่บริษัทไปเที่ยวที่บ้านนับสิบครั้งได้ ซึ่งพ่อกับแม่ผมชอบมากจนท่านพูดว่า “มาอีกแล้วหรอ?” 555
พ่อแม่ทุกคนก็อยากให้ลูก ๆ กลับไปเยี่ยมบ่อย ๆ แล้วคุณละเริ่มอยากกลับบ้านกันบ้างรึยัง?
ทำงานที่ไหนก็ได้แพคคู่กับตั๋วเครื่องบินแบบบุฟเฟต์ อะไรมันจะเพอร์เฟ็คขนาดนี้ (แพ็คเกจคู่บุญ)
อย่างที่บอกก่อนหน้านี้ครับว่าเด็กต่างจังหวัดต้องมีค่าเดินทาง ค่าตั๋วเครื่องบินแพง! ซึ่งไม่รู้เป็นความบังเอิญหรือปาฏิหาริย์สำหรับคนต้องกลับบ้านหรือคนเที่ยวเก่งอย่างผมจริง ๆ นั่นก็คือโปรโมชันบินไม่อั้น ใน 5 เดือนของสายการบินสายการบินหนึ่ง แล้วแบบนี้ใครละจะพลาด! ผมก็เป็นหนึ่งในนั้นที่ไม่มีพลาดโปรโมชันนี้ แถมยังซื้อให้น้องสาวอีกคนด้วย ต้องบอกว่าลงล็อกพอดี แถมราคานี้ไม่แพงเลยถ้าเทียบกับค่าตั๋วเครื่องบินไปกลับในวันสงกรานต์ ทั้งนี้คิดว่าเนื่องจากปัญหาหลาย ๆ อย่างของสายการบินต่าง ๆ ทำให้เขาต้องออกโปรโมชันนี้มาเพื่อต้องการเงินสดมาบริหารธุรกิจในเวลานั้น มิเช่นนั้นอาจจะต้องปิดตัวลงเหมือนหลาย ๆ สายการบิน ถือว่า Win - Win ทั้งผู้ประกอบการและผู้บริโภค
ถ้าบวกลบคูณหารกับราคาค่าตั๋วโปรโมชันบุฟเฟต์นี้ การที่เราบินเกิน 5 ไฟล์ท ก็ถือว่าคุ้มแล้ว แต่ผมก็กลัวกัปตันเหงาเลยบินไป - บินมามากกว่า 20 ไฟล์ทบิน (เอาซะคุ้มเลย)
แต่การบินบ่อย ๆ ทำให้เรารู้สึกเหนื่อยเหมือนกัน ถึงยังไงผมก็ชอบเพราะได้ไปยังสถานที่ต่าง ๆ ที่ กรุงเทพ ฯ ไม่มี เช่น ทะเล ภูเขา หรือ สถานที่แปลก ๆ อื่น ๆ ปีที่ผ่านมาสำหรับผมคุ้มมากเลยครับ ส่วนปีนี้ผมก็เลยตั้งใจว่าจะไม่บินอีกแล้ว ขอพักผ่อนอยู่บ้านที่ กรุงเทพ ฯ เลยแล้วกัน หรือถ้ามีโปรเดิมออกมาก็จะไม่ซื้อแล้ว
แต่ขอโทษครับพี่น้อง... โปรเดิมมาอีกแล้ว รอบนี้ให้บินไปเลย 9 เดือน กี่รอบก็ได้ คนอย่างผมจะพลาดได้ไง ( T T )
แบบนี้ผมลยต้องเป็นคนขาจรต่อไป.... เพราะคำว่า Work from Anywhere คำเดียวเลย
บินไปทำงานภูเก็ต ขอนแก่น เชียงใหม่ กรุงเทพฯ (สวมบทคนทำงานกลางวัน เที่ยวที่ต่าง ๆ กลางคืน)
แค่เดือนที่ผ่านมาเดือนเดียว ผมก็ได้บินไปทำงานที่ ภูเก็ต ขอนแก่น เชียงใหม่ กรุงเทพฯ ทั้งพาเพื่อมาเที่ยวที่บ้าน(ภูเก็ต) ซึ่งทุกคนสามารถ Work from Anywher ได้เหมือนกันเพราะอยู่บริษัทเดียวกัน นอกจากนี้ผมยังมีบินไปทำบุญ 100 วันที่ขอนแก่น แล้วก็ต้องไปสอนเรื่องเกี่ยวกับ UX ที่ออฟฟิศ THiNKNET เชียงใหม่ในสัปดาห์ถัดมา และมีปาร์ตี้หมูกระทะหน้าออฟฟิศที่อร่อยสุด ๆ พร้อมทั้งคาราโอเกะทั้งคืน และก็บินกลับมาทำงานที่กรุงเทพฯ ตามปกติ
นับได้ว่าครบ 4 ภาคในเดือนเดียว ถ้าเราทำงานแบบปกติก็แทบจะไม่มีโอกาสได้ไปครบ 4 ภาค ทั่วไทยแค่ในเดือนเดียวแน่นอน อาจจะต้องใช้เวลาเป็นปีเลย กว่าจะได้ไปครบ แต่ Work from Anywhere ช่วยให้เรามีการทำงานที่ยืดหยุ่นมากยิ่งขึ้นแบบสุด ๆ น่าจะมีแค่ไม่กี่บริษัทในประเทศไทย หรือ ในโลกที่ยอมเปิดโอกาสให้พนักงานได้ทำงานที่ไหนก็ได้แบบนี้ ก็ถือว่าเป็นอีกสวัสดิการหนึ่งที่ตอบโจทย์มาก ๆ สำหรับยุคสมัยนี้ ซึ่งพูดได้เต็มปากเลยว่า “กด Love ให้เลย”
ที่เล่ามาทั้งหมดเบื้องต้นก็ไม่ใช่ว่าบินไปเที่ยวเล่นนะครับ ก็บินไปทำงานในที่ต่าง ๆ ด้วยเช่นกัน เนื่องจากมีธุระหรือเรื่องที่ต้องทำหลาย ๆ ในหลายจังหวัด ก็จะใช้วิธีบินในเวลาค่ำ ๆ และก็ทำงานในเช้าวันถัดมาจากที่ต่าง ๆ ซึ่งก็ต้องดูเรื่องของ Internet ไว้ด้วยเสมอ เพราะต้องทำงานแบบออนไลน์อยู่ตลอดในเวลาทำงาน ต้องสามารถติดต่อได้ตลอดเวลา โดยจะติดต่อกันผ่าน MS Teams และ Zoom เป็นหลัก เนื่องจากอยู่กันคนละที่การสื่อสารจึงจำเป็นเพื่อให้การทำงานยังคงสามารถดำเนินต่อไปได้ ซึ่งทางทีมก็จะมีการประชุมและพูดคุยกันทุกวันในเวลาเช้า
ถึงแม้ว่าพวกเราจะทำงานอยู่กันคนละที่ก็ยังพูดคุยกันได้ เหมือนคำที่ผู้บริหารบอกไว้ว่า “ถึงตัวเราจะอยู่ไกล แต่เราจะใกล้กันมากยิ่งขึ้น” เพื่อเป็นกำลังใจให้กับคนที่ทำงานอยู่ที่บ้านแล้วเหงา ๆ เพราะเป็นสิ่งที่หลาย ๆ คนรู้สึกเมื่อทำงานอยู่ที่บ้านคนเดียวนาน ๆ การที่เราได้ทักทายหรือพูดคุยกันทุกวันก็จะช่วยได้มากในเรื่องนี้ กลายเป็นว่าทุกคนทีมได้พูดคุยกับเพื่อนที่อยู่ต่างแผนกมากกว่าตอนที่ทำงานที่บริษัทอีกด้วยซ้ำ
เมื่อจบการทำงานในแต่ละวัน หากผมอยู่ที่ต่างจังหวัด ก็มักจะใช้เวลาตอนเย็น ๆ ไปเจอเพื่อน ๆ หรือไปเที่ยวตามสถานที่ต่าง ๆ เพราะไม่ได้มีบ่อย ๆ ที่เราจะได้ไปยังจังหวัดใหม่ ๆ แปลก ๆ ซึ่งเหมือนเป็นการเปิดประสบการณ์ชีวิตใหม่อยู่ตลอดเวลา
โดยทั้งหมดนี้นั้นก็ต้องรู้จักการแบ่งเวลาให้ถูกต้อง ว่าอันไหนเป็นเวลางาน หรือเวลาเล่น การ Work from Anywhere ก็ต้องรู้จักใช้เวลาให้เกิดประโยชน์สูงสุด ต้องมีความรับผิดชอบทั้งต่อตนเองและงานที่ได้รับมอบหมาย ให้สมกับที่เขาไว้ใจเรา ให้ทำงานที่ไหนก็ได้...
และเรื่องราวทั้งหมดนี้ก็ถูกเขียนขึ้นในขณะที่ผมกำลังรอขึ้นเครื่องที่สนามบิน...
#WorkSmart #WorkLifeBalance #WorkFromAnywhere
ปล. ถ้าเปิดประเทศ สงสัยต้องลองไปทำงานที่ญี่ปุ่นดูบ้างแล้วล่ะครับ ^_^
อีกอย่างผมกำลังหาคนมาร่วมทีมในตำแหน่ง Graphic Designer อยู่นะครับ ไปดูรายละเอียด ที่นี่ แล้วส่งใบสมัครกันมานะครับ