มองเห็นเป้าหมายเดียวกันด้วย THiNKNET Engineer Principles 

มองเห็นเป้าหมายเดียวกันด้วย THiNKNET Engineer Principles 
06/07/23   |   3k

Engineer Principles คือสิ่งที่ชาว THiNKNET Engineer ยึดถือเป็นแนวทางปฏิบัติ เพื่อให้ทุกคนมองเห็นเป้าหมายและแนวทางเดียวกัน โดยที่ Engineer Principles เกิดจากการร่วมมือของทุกคน ที่ได้มีส่วนร่วมออกความเห็นและช่วยกันสร้างขึ้นมาจากปัญหาที่เคยเจอ, ข้อตกลงร่วมกัน, ไอเดียที่ได้จากการทำงาน และความต้องการผลักดันคุณภาพและความคิดสร้างสรรค์ในการทำงานให้เป็นหนึ่งเดียว มาดูกันว่ามีอะไรบ้าง 

 

1. The Great Software Comes with Great Responsibility 

รู้ให้รอบ มองให้ครอบคลุม เพราะทุกการแก้ไขมีผลกระทบเสมอไม่ว่ามากหรือน้อย และ เพื่อให้คุณภาพของ Software ที่ออกไปถึงมือผู้ใช้อย่างถูกต้องและใช้งานได้ดี การทดสอบจึงต้องถูกออกแบบและตกลงเอาไว้ร่วมกันตั้งแต่แรกเพื่อให้ทีมพัฒนาเห็นภาพและใช้ในการทดสอบความถูกต้องได้ตลอดการพัฒนา เราจะให้ความสำคัญกับการออกแบบการทดสอบไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าการออกแบบ Business Logic และพัฒนาวิธีการจัดการกับการทดสอบอยู่เสมอ 

 

2. Be Like a Championship Team

การร่วมมือกันคือกุญแจสู่ความสำเร็จ ทุกคนมีความเป็นส่วนหนึ่งของทีมไม่ได้แบ่งแยกขาดจากกัน เราจะยึดเป้าหมายเป็นหลัก และร่วมมือกันเพื่อเป้าหมายเดียวกัน สื่อสารกันได้แบบตรงไปตรงมา มีข้อตกลงที่ชัดเจน

 

3. Eliminate Toil and Do the Automation 

อย่ามัวงมกับงานปริมาณ ทำ automation ซะ!

  • กำจัดงานที่ต้องทำซ้ำ ๆ ด้วย automation tools

  • บางครั้งการทำบางอย่างด้วยมือง่ายและเร็วกว่าการสร้าง automation ขึ้นมาทำ แต่ถ้าต้องทำซ้ำ ๆ หลายครั้ง การลงแรงกับการทำ automation จะทำให้จัดการได้เร็วกว่าในระยะยาว

  • การทำแบบ manual บางอย่างที่มีขั้นตอนซับซ้อน หลงลืมง่าย เกิด human error ได้ง่าย การทำ automate หรือสร้าง script ไว้จะช่วยลดการผิดพลาดในการทำงานครั้งต่อๆไปได้

  • คำนึงถึงการ monitoring , tracking , observation อยู่เสมอ เพื่อลดการเจอปัญหาหรือข้อมูลที่สำคัญล่าช้าเกินไป

 

4. Make It Smart and Simple 

ลดความซับซ้อนที่ไม่จำเป็น

  • ลดความซับซ้อนของ process ที่ไม่ได้ใช้งานแล้ว หรือไม่สำคัญเพื่อให้คล่องตัวมากขึ้น

  • ส่วนสำคัญของการ simplify คือการวิเคราะห์ถึงผลกระทบ , performance , usability , resource และความเหมาะสมในแง่มุมต่าง ๆ เป็นอย่างดีแล้ว

  • ทำให้เข้าใจง่ายทั้งโครงสร้างข้อมูล , architecture , โครงสร้าง logic

  • ทำให้มนุษย์เข้าใจได้ง่ายขึ้น ทำให้ ​debug ง่าย และคนอื่นๆนำไปพัฒนาต่อได้ง่ายด้วย

 

5. Make Decision by Information 

ใช้ข้อมูลช่วยคิดตัดสินใจ เก็บให้ได้ ใช้ให้เป็น

  • Start with Why - รู้ที่มาที่ไปก่อนเริ่มหาไอเดีย

  • ออกแบบเป้าหมายการวัดผลและเก็บข้อมูลก่อนเริ่มลงมือพัฒนาซอฟต์แวร์ทุกรอบการทำงาน

  • ข้อมูลมหาศาลมีราคาแพง แต่ข้อมูลมหาศาลที่ไม่ถูกเก็บ แพงกว่า

  • วัดผลด้วยข้อมูล แก้ปัญหาด้วยข้อเท็จจริง

 

6. Continuous Improvement, Be the Better 

ทุก ๆ ความยิ่งใหญ่ เริ่มจากจุดเล็ก ๆ เสมอ การได้ก้าวทีละขั้นและพัฒนาไปข้างหน้าอย่างต่อเนื่องทีละน้อยทำให้เราเรียนรู้และปรับเปลี่ยนได้คล่องตัวกับสถานการณ์มากขึ้น

  • สร้างซอฟต์แวร์ที่ใช้งานได้เป็นก้อนเล็ก ๆ แล้วค่อยเพิ่มทีละน้อย ยิ่งก้อนเล็กยิ่งความเสี่ยงน้อยและทดสอบไอเดียได้เร็ว

  • Optimize และมองหาจุดพัฒนาอยู่เสมอ

  • Quality over quantity เน้นประสิทธิภาพ มากกว่าปริมาณ

  • พัฒนาองค์ความรู้ใหม่ๆ ลองเอาของใหม่ๆ มาประยุกต์ใช้บ้างก็ได้

  • เป็นตัวเองในเวอร์ชันที่ดีขึ้นเรื่อย ๆ ในแต่ละวัน

  • ให้ความรู้และผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงได้เสมอเมื่อเจอสิ่งที่ดีกว่า

 

7. Be Creative, Be Different, Be Brave  

คิดอย่างสร้างสรรค์ กล้าคิดนอกกรอบ และกล้าที่จะออกไปลองผิด ลองเจอปัญหาใหม่ ๆ เพื่อได้เรียนรู้อะไรใหม่ ๆ

  • ลองแก้ปัญหาด้วยวิธีใหม่ ๆ ไม่จำเป็นต้องเชื่อในวิธีเดิมๆเสมอไป

  • การยิงคำถาม challenge กันในที่ประชุมจะทำให้เราได้ทางออกที่ดีขึ้นมากกว่าการทำตามแค่ไอเดียคนใดคนหนึ่ง

    • เราเชื่อว่าทุกคนมีความเห็น และทุกความเห็นมีประโยชน์

    • บางครั้งไอเดียบ้า ๆ ก็จุดประกายให้ผลงานเจ๋ง ๆ ได้

  • เคารพความคิดเห็นที่แตกต่าง หรือ challenge ที่เกิดขึ้น จะทำให้การนำเสนอไอเดียใหม่ๆ แข็งแรงมากยิ่งขึ้น

  • เรียนรู้จากความผิดพลาดไปด้วยกัน ไม่จำเป็นต้องกล่าวโทษคนที่ทำผิดพลาด

    • เราไม่คิดว่าจะมีใครทำผิดพลาดโดยเจตนาไม่ดี

    • หาทางออกร่วมกัน เมื่อเกิดข้อผิดพลาดหรือปัญหา

    • ความผิดพลาดเกิดขึ้นได้เสมอแม้อาจจะเป็นความผิดพลาดง่าย ๆ

 

8. Accept All Problems 

รับฟังทุกปัญหาอย่างตั้งใจ เรียนรู้และปรับตัว จัดการกับทุกปัญหาโดยเริ่มจากการเข้าใจและยอมรับมัน โฟกัสที่การปรับปรุง ไม่กล่าวโทษกัน

  • Feedback is a gift

  • ปัญหาของ user คือปัญหาของเรา

    • เมื่อ user เกิดปัญหาสิ่งที่เราต้องทำคือรับฟัง ทำความเข้าใจ และเตรียมการรับมือกับการแก้ปัญหานั้น ๆ

  • ไม่มีวิธีการใดแก้ปัญหาทุกอย่างได้ 100%

    • เรียนรู้และปรับตัวอยู่เสมอ

    • ไม่จำเป็นต้องแก้ทุกปัญหาพร้อมกัน ให้วิเคราะห์ลำดับความสำคัญตามความเหมาะสม

    • เลือกแก้ปัญหาอย่างเหมาะสม บางครั้งการเลือกที่จะไม่แก้ปัญหานั้นตรง ๆ อาจเป็นการแก้ปัญหาที่คุ้มค่าและตอบโจทย์ได้เช่นกัน

  • เปิดใจรับฟังอย่างเข้าอกเข้าใจ

    • เพราะการ discussion ต้องมีการฟังความคิดเห็นจากหลายๆมุมมอง สิ่งที่เรามองว่าไม่เป็นปัญหา อาจจะเป็นปัญหาใหญ่ของคนที่อยู่อีกมุมก็ได้ การเปิดใจรับฟังก่อน ฟังในสิ่งที่อีกฝ่ายนำเสนอคือก้าวแรกของการแก้ปัญหานั้น ๆ ด้วย 

 

9. Keep Learning and Sharing 

การเรียนรู้มีอยู่ทุกช่วงเวลา พัฒนาตัวเองอย่างต่อเนื่อง และส่งต่อองค์ความรู้ให้กับผู้อื่น

  • หมั่นแชร์ความรู้ของตัวเอง แม้ว่าจะเป็นเรื่องเล็กน้อย ก็อาจจุดประกายการเริ่มต้นของสิ่งที่ยิ่งใหญ่

  • การแชร์ความรู้ของตัวเองเท่ากับเป็นการทบทวนและได้เรียนรู้เพิ่มเติมด้วย

  • ให้เวลากับการเรียนรู้และทดลอง จะทำให้เราใช้มันได้อย่างมีประสิทธิภาพ

  • แบ่งเวลาเรียนรู้เพิ่มเติมให้ตัวเองสักสัปดาห์ละครั้ง

    • การเรียนรู้และทดลองบางอย่างช่วยให้เราได้รู้จักและเข้าใจเทคโนโลยี เครื่องมือ หรือวิธีการใหม่ ๆ ได้มากขึ้นอยู่เสมอ เราจะมีองค์ความรู้ที่เอาไว้ใช้ในสถานการณ์ต่าง ๆ ได้กว้างขึ้น

    • ไม่จำเป็นต้องเรียนรู้แต่เรื่องใหม่ๆ เรื่องที่เป็นพื้นฐานต่างๆก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน บางอย่างที่เราเคยรู้แต่ไม่แตกฉาน รู้แค่ทำตามคนอื่น หรือมีข้อสงสัยติดค้างอยู่ในใจ ควรหาเวลาศึกษาอย่างละเอียดถ่องแท้ มันจะช่วยให้เรานำไปแก้โจทย์ปัญหาต่างๆได้ทะลุปรุโปร่ง และต่อยอดสิ่งใหม่ๆได้อย่างมั่นใจ

  • เปลี่ยนองค์ความรู้ในทีมให้เป็นการแชร์

    • องค์ความรู้ในทีมบางอย่างสามารถนำไปเขียนเป็น blog, broadcast, sharing session เพื่อให้คนอื่นมาเรียนรู้ได้

    • “ยิ่งให้ยิ่งได้” ยิ่งแชร์ยิ่งทำให้เราได้ทบทวนความรู้เราให้แน่นขึ้น ได้พัฒนาตนเองด้าาน soft skill ทั้งการเขียน การทำ presentation และการพูดใน public ได้ยกระดับความมั่นใจในตัวเองไปอีกขั้นหนึ่ง

    • ไม่จำเป็นต้องรู้ทุกอย่างทะลุปรุโปร่งก็เป็นคนแชร์ได้ เพราะการแชร์ จะได้ข้อมูลจากผู้ฟังได้ด้วยเช่นกัน

    • การเรียนรู้มีหลายรูปแบบไม่จำเป็นต้องยึดติดกับวิธีการเดิม ๆ หาวิธีที่เหมาะกับตัวเองให้เจอ

 

10. Work-Life, Harmonized 

ให้ความสำคัญกับสมดุลชีวิตและการทำงาน

  • บางครั้งการผ่อนคลายก็คือการปิดคอมฯ แล้วออกไปมองโลกข้างนอกในช่วงเวลาที่ไม่เคยออกดูบ้าง

  • ลดการประชุมที่ไม่จำเป็น ใช้การสรุปเป็นเอกสารหรือ message แทนจะช่วยให้ไม่เสียเวลาประชุมโดยไม่จำเป็นได้

  • หากมีเรื่องไหนที่อยากให้ช่วย คุยกันได้เสมอ

  • ทำกิจกรรมอื่น ๆ ร่วมกันกับทีมนอกเหนือจากเรื่องงานบ้าง

  • ค้นหาตัวเองได้ตลอดเวลา ลองใช้เวลากับสิ่งใหม่ อาจพบสิ่งที่ใช่สำหรับตัวเอง อย่ารอให้ Burn Out

    • ถ้าเจอสิ่งที่ใช่ลองให้ไปให้สุด วางแผนสร้าง career path

 

หากใครที่สนใจทำงานแบบ Work from Anywhere 

มาร่วมงานกับ THiNKNET from Anywhere และดูตำแหน่งงานทั้งหมดได้ ที่นี่ 

 

tags : thinknet culture engineer work form home work from anywhere life at thinknet



ติดตามข่าวสารและเรื่องราวดีๆ ทาง Email