Work from Anywhere สวรรค์ของชาว Ambivert

Work from Anywhere สวรรค์ของชาว Ambivert
18/04/21   |   5.7k

สวัสดีค่ะ เราชื่อ "บี" ตอนนี้ทำงานอยู่ที่ THiNKNET ตำแหน่ง QA ค่ะ ปกติ Lifestyle เราก็เป็นแบบพนักงานออฟฟิศทั่วไปเลยค่ะ ตื่นนอน-นั่งรถไปทำงาน-ทำงาน-เลิกงาน ชีวิตวนลูปไปตาม Step ในแต่ละวัน จนกระทั่งอย่างที่ทุกคนรู้กันค่ะ เจ้าโควิด-19 เมื่อช่วงต้นปี 2563 ที่ผ่านมาที่ทำให้ Lifestyle เราเปลี่ยนไปค่ะ ทางบริษัทจึงได้เริ่มออกนโยบายให้พนักงานทยอยกัน Work from Home จนปัจจุบันที่ออฟฟิศก็ได้ปรับเป็น Work from Anywhere ยาวเลยค่ะ

 

ไม่ใช่แค่เพียง Work from Home แต่ทำงานได้จากทุกที่

หลังจากได้เริ่ม Work from home ทางบริษัทก็เริ่มพัฒนา Application เพื่อมาช่วยตอบโจทย์การลงเวลาเข้างาน-ออกงาน รวมไปถึงการขอลาต่าง ๆ ไปพร้อม ๆ กันค่ะ จึงทำให้จากการ Work from Home ถูกเปลี่ยนเป็น Work from Anywhere แบบเต็มตัว เพราะไม่ว่าเราจะอยู่ที่ไหน เราก็สามารถทำงานได้ทุกที่ทั่วโลก ขอแค่มี Internet ได้เลยค่ะ
 

 

นอกเรื่องงานกันนิดนึงนะคะ เพราะทุกคนคงสงสัยกับหัวข้อว่าแล้ว Ambivert มันคืออะไรกัน แล้วเกี่ยวข้องอะไรกับ Work from Anywhere ชื่อก็ฟังดูไม่คุ้นเคยเลย แต่ถ้าพูดถึง Introvert หรือ Extrovert ทุกคนคงพอคุ้นหูกันมาบ้างใช่ไหมคะ
 

Ambivert ก็คือ หนึ่งในบุคลิกภาพที่ก้ำกึ่งระหว่าง Introvert และ Extrovert เรียกได้ว่าเป็นบุคคลที่เป็นลูกผสมของทั้งสองบุคลิกอยู่ในตัวเอง ในบางครั้งคนประเภท Ambivert จะชอบเข้าสังคม หรือกระทำกิจกรรมร่วมกับผู้อื่น แต่เมื่อถึงเวลาพักผ่อน หรือในบางครั้งก็มีความรู้สึกว่าอยากอยู่คนเดียว ซึ่งบีก็เป็นหนึ่งในชาว Ambivert ค่ะ เข้าเรื่องกันต่อเลยดีกว่าค่ะ ว่าทำไมจุดเริ่มต้นของการ Work from Anywhere ถึงได้เป็นสวรรค์ของชาว Ambivert แบบบีกัน

 

Work from Anywhere กับ Lifestyle การทำงานที่เปลี่ยนไป

หลังจากบริษัทได้เริ่มนโยบาย Work from Anywhere ลักษณะการทำงาน ประชุมงานต่าง ๆ ก็ถูกเปลี่ยนมาอยู่ในรูปแบบออนไลน์ทั้งหมด จากเดิมที่ต้องเข้างาน 09.00-18.00 ก็ถูกเปลี่ยนมาเป็นการนับชั่วโมงการทำงานแทน (40 ชั่วโมง/สัปดาห์) จากเดิมที่บีต้องตื่นแต่เช้า เผื่อเวลาเดินทางเป็นชั่วโมง ก็ถูกเปลี่ยนมาให้กลายเป็นเด็กที่ได้นอนตื่นสายขึ้น ซึ่งไม่ใช่เรื่องแย่เลยค่ะ นั่นหมายความว่าเราได้พักผ่อนเพียงพอมากขึ้น โดยไม่ต้องไปเบียดเสียดคนเยอะ ๆ ตอนเดินทาง เรียกได้ว่าเป็น สวรรค์ของคนไม่ชอบเดินทางเลยใช่ไหมคะ แต่ยังไม่หมดเพียงเท่านี้ค่ะ เพราะทาง THiNKNET ก็ได้ Support กับพนักงานในเรื่องของอุปกรณ์การทำงานต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น โต๊ะคอม เก้าอี้ รวมไปถึงหน้าจอคอมพิวเตอร์ เรียกได้ว่าเหมือนยกออฟฟิศมาไว้ที่บ้านได้เลยค่ะ
 

 

โดยลักษณะการทำงานของทีมบีนั้น จะต้องไปอยู่ในแต่ละโปรเจกต์ที่ถูกวางไว้ และทำงานร่วมกับทีมอื่น โดยปกติแล้วในทุกเช้า ก็จะมีการอัปเดตงาน จากเดิมที่ต้องมารวมตัวกัน และพูดคุยของแต่ละคน ก็ถูกเปลี่ยนมาเป็นคอลหากันในทุกเช้าแทนค่ะ โดยในทีมก็จะมีเวลาตามที่ตกลงกันไว้ เช้า-เย็น หรือว่าใครติดปัญหาอะไรก็สามารถคอลหากันได้ทันที ตอบโจทย์การทำงานในยุคสมัย New Normal ที่ต้องเว้นระยะห่างได้ดีเลยค่ะ 
 

ซึ่งลักษณะงานของบีนั้นก็จะมีทั้งช่วงที่งานเร่ง และงานไม่เร่งค่ะ ตอนงานด่วนเข้ามา บีก็ชอบที่จะมีมุมส่วนตัว ในการใช้สมาธิ อยู่กับตัวเอง ซึ่งการได้ Work from Anywhere นั้นตอบโจทย์นิสัยการทำงานของบีได้ดีมาก เพราะไม่มีเสียงรอบข้างมารบกวน หรือทำให้เราสมาธิหลุดไปได้ และผลของงานก็ออกมาดี ส่งงานทันตามเวลาที่กำหนด แต่ไม่ใช่ว่าจะมีมุมที่เงียบแบบนี้เพียงอย่างเดียวนะคะ เพราะในทีมก็มีการจัดกิจกรรมพูดคุยกันเพื่อลดความเงียบเหงา และความตึงเครียดจากงาน โดยทุกเย็นทีมจะมีจัดเป็น Meeting เล็ก ๆ ประมาณ 15 นาที เอาไว้พูดคุยเรื่องต่าง ๆ ซึ่งกันและกัน บางทีก็ผ่อนคลายด้วยการเล่นเกมด้วยกัน อย่างเช่น Among Us (ไม่รู้ว่าเรียกกระชับมิตรได้ไหมเลยค่ะเกมนี้) แบบนี้ใครที่กลัวเหงา ก็หมดห่วงเรื่องนี้ไปได้เลยค่ะ หรือว่าถ้ายังรู้สึกเหงาอยู่ เราก็สามารถนัดกับทีม เพื่อเข้าออฟฟิศเจอหน้ากัน หรือจะเปลี่ยนบรรยากาศไปทำงานร้านกาแฟ หรือต่างจังหวัด ได้ตามใจชอบเลยค่ะ 

 

 

เห็นไหมคะว่าการ Work from Anywhere นั้นมีข้อดีต่าง ๆ มากมายเลยค่ะ โดยเฉพาะคนที่มีลักษณะนิสัยแนว Ambivert แบบบี ที่ชอบความสงบในบางช่วงนั้น ถือว่าตอบโจทย์นิสัย และลักษณะการทำงานมาก ๆ เลยค่ะ ซึ่งบีก็สรุปข้อดีไว้เป็นข้อๆ ดังนี้ค่ะ

 

ข้อดีของการ Work from Anywhere ที่เหมาะกับคนประเภท Ambivert

1. มีสมาธิมากขึ้น :

บางครั้งชาว Ambivert อย่างเรา การที่ได้จดจ่ออยู่กับงาน โดยที่ไม่มีเสียงดังของคนรอบข้าง ก็มักทำให้งานมีประสิทธิภาพมากขึ้น ขับเคลื่อนเราได้ดีมากขึ้นกว่าในสถานที่คนเยอะ และเสียงดัง
 

2. มีเวลาให้กับตัวเอง และสิ่งที่ชอบหลังเลิกงาน :

ปกติแล้วถ้าทำงานออฟฟิศที่ต้องใช้เวลาเดินทาง กว่าจะกลับถึงบ้าน ก็คงมืดค่ำกันแล้ว แต่การได้ Work from Anywhere พอเลิกงาน เราก็สามารถทำกิจกรรมที่ชอบได้ทันที โดยไม่ต้องเสียพลังงานไปกับการเดินทางกลับบ้าน (กว่าจะถึง ก็คงไม่อยากทำไรแล้วใช่ไหมคะ :)
 

3. ไม่ต้องกลัวเหงา :

หลายคนคงคิดว่า การไม่ได้เจอกันแบบนี้คงเหงาแน่ ๆ แต่ว่าในทุกวันของการทำงาน เราก็ยังได้ติดต่อกับคนอื่นได้ตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องงาน หรือว่าคุยเล่น ถ้าอยากเห็นหน้ากัน ก็เพียงแค่เปิดกล้อง เท่านั้นเองค่ะ
 

4. ได้ไปเที่ยว โดยไม่ต้องง้อวันลา :

ปกติกว่าจะได้ไปเที่ยวกันที ก็คงต้องรอวันหยุดยาว หรือไม่ก็ต้องใช้ลาพักร้อน แต่ถ้าได้ Work from Anywhere แล้วไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน ขอเพียงมี Internet ก็สามารถเข้างาน ได้ทุกที่ โดยไม่ต้องรอวันหยุดเพื่อไปเที่ยวได้เลยค่ะ (ถือว่าเปลี่ยนบรรยากาศการทำงานไปในตัวเลยค่ะ)
 

5. มีเวลายืดหยุ่นมากขึ้น : 

บางครั้งขณะทำงาน เกิดติดธุระด่วน จะเลิกงานเลยก็ไม่ได้ ยังไม่ถึงเวลาเลิกงาน ก็ดูจะพะวงไปหมด แต่เมื่อได้ Work from Anywhere แล้ว เราเพียงบอกหัวหน้างาน กับทีมเอาไว้ เพียงเท่านี้เราก็สามารถออกไปทำธุระได้อย่างสบายใจ โดยที่ไม่จำเป็นต้องรอเวลาเลิกงาน หรือต้องใช้วันลาต่าง ๆ เลยค่ะ

 

- ถ้าใครสนใจอยากลองเปิดประสบการณ์ใหม่ในการทำงานสไตล์ Work from Anywhere แบบบี
ก็สามารถเข้ามาดูตำแหน่งงานของ THiNKNET ได้ ที่นี่ -

tags : thinknet work from anywhere



ติดตามข่าวสารและเรื่องราวดีๆ ทาง Email