สวัสดีค่ะ เราชื่อ "บี" ตอนนี้ทำงานอยู่ที่ THiNKNET ตำแหน่ง QA ค่ะ ปกติ Lifestyle เราก็เป็นแบบพนักงานออฟฟิศทั่วไปเลยค่ะ ตื่นนอน-นั่งรถไปทำงาน-ทำงาน-เลิกงาน ชีวิตวนลูปไปตาม Step ในแต่ละวัน จนกระทั่งอย่างที่ทุกคนรู้กันค่ะ เจ้าโควิด-19 เมื่อช่วงต้นปี 2563 ที่ผ่านมาที่ทำให้ Lifestyle เราเปลี่ยนไปค่ะ ทางบริษัทจึงได้เริ่มออกนโยบายให้พนักงานทยอยกัน Work from Home จนปัจจุบันที่ออฟฟิศก็ได้ปรับเป็น Work from Anywhere ยาวเลยค่ะ
ไม่ใช่แค่เพียง Work from Home แต่ทำงานได้จากทุกที่
หลังจากได้เริ่ม Work from home ทางบริษัทก็เริ่มพัฒนา Application เพื่อมาช่วยตอบโจทย์การลงเวลาเข้างาน-ออกงาน รวมไปถึงการขอลาต่าง ๆ ไปพร้อม ๆ กันค่ะ จึงทำให้จากการ Work from Home ถูกเปลี่ยนเป็น Work from Anywhere แบบเต็มตัว เพราะไม่ว่าเราจะอยู่ที่ไหน เราก็สามารถทำงานได้ทุกที่ทั่วโลก ขอแค่มี Internet ได้เลยค่ะ
![](http://www.thinknet.co.th/service/image/s3_ckf_images/B/Screen%20Shot%202021-04-10%20at%206_59_23%20PM.png)
นอกเรื่องงานกันนิดนึงนะคะ เพราะทุกคนคงสงสัยกับหัวข้อว่าแล้ว Ambivert มันคืออะไรกัน แล้วเกี่ยวข้องอะไรกับ Work from Anywhere ชื่อก็ฟังดูไม่คุ้นเคยเลย แต่ถ้าพูดถึง Introvert หรือ Extrovert ทุกคนคงพอคุ้นหูกันมาบ้างใช่ไหมคะ
Ambivert ก็คือ หนึ่งในบุคลิกภาพที่ก้ำกึ่งระหว่าง Introvert และ Extrovert เรียกได้ว่าเป็นบุคคลที่เป็นลูกผสมของทั้งสองบุคลิกอยู่ในตัวเอง ในบางครั้งคนประเภท Ambivert จะชอบเข้าสังคม หรือกระทำกิจกรรมร่วมกับผู้อื่น แต่เมื่อถึงเวลาพักผ่อน หรือในบางครั้งก็มีความรู้สึกว่าอยากอยู่คนเดียว ซึ่งบีก็เป็นหนึ่งในชาว Ambivert ค่ะ เข้าเรื่องกันต่อเลยดีกว่าค่ะ ว่าทำไมจุดเริ่มต้นของการ Work from Anywhere ถึงได้เป็นสวรรค์ของชาว Ambivert แบบบีกัน
Work from Anywhere กับ Lifestyle การทำงานที่เปลี่ยนไป
หลังจากบริษัทได้เริ่มนโยบาย Work from Anywhere ลักษณะการทำงาน ประชุมงานต่าง ๆ ก็ถูกเปลี่ยนมาอยู่ในรูปแบบออนไลน์ทั้งหมด จากเดิมที่ต้องเข้างาน 09.00-18.00 ก็ถูกเปลี่ยนมาเป็นการนับชั่วโมงการทำงานแทน (40 ชั่วโมง/สัปดาห์) จากเดิมที่บีต้องตื่นแต่เช้า เผื่อเวลาเดินทางเป็นชั่วโมง ก็ถูกเปลี่ยนมาให้กลายเป็นเด็กที่ได้นอนตื่นสายขึ้น ซึ่งไม่ใช่เรื่องแย่เลยค่ะ นั่นหมายความว่าเราได้พักผ่อนเพียงพอมากขึ้น โดยไม่ต้องไปเบียดเสียดคนเยอะ ๆ ตอนเดินทาง เรียกได้ว่าเป็น สวรรค์ของคนไม่ชอบเดินทางเลยใช่ไหมคะ แต่ยังไม่หมดเพียงเท่านี้ค่ะ เพราะทาง THiNKNET ก็ได้ Support กับพนักงานในเรื่องของอุปกรณ์การทำงานต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น โต๊ะคอม เก้าอี้ รวมไปถึงหน้าจอคอมพิวเตอร์ เรียกได้ว่าเหมือนยกออฟฟิศมาไว้ที่บ้านได้เลยค่ะ
![](http://www.thinknet.co.th/service/image/s3_ckf_images/B/screeshot.jpg)
โดยลักษณะการทำงานของทีมบีนั้น จะต้องไปอยู่ในแต่ละโปรเจกต์ที่ถูกวางไว้ และทำงานร่วมกับทีมอื่น โดยปกติแล้วในทุกเช้า ก็จะมีการอัปเดตงาน จากเดิมที่ต้องมารวมตัวกัน และพูดคุยของแต่ละคน ก็ถูกเปลี่ยนมาเป็นคอลหากันในทุกเช้าแทนค่ะ โดยในทีมก็จะมีเวลาตามที่ตกลงกันไว้ เช้า-เย็น หรือว่าใครติดปัญหาอะไรก็สามารถคอลหากันได้ทันที ตอบโจทย์การทำงานในยุคสมัย New Normal ที่ต้องเว้นระยะห่างได้ดีเลยค่ะ
ซึ่งลักษณะงานของบีนั้นก็จะมีทั้งช่วงที่งานเร่ง และงานไม่เร่งค่ะ ตอนงานด่วนเข้ามา บีก็ชอบที่จะมีมุมส่วนตัว ในการใช้สมาธิ อยู่กับตัวเอง ซึ่งการได้ Work from Anywhere นั้นตอบโจทย์นิสัยการทำงานของบีได้ดีมาก เพราะไม่มีเสียงรอบข้างมารบกวน หรือทำให้เราสมาธิหลุดไปได้ และผลของงานก็ออกมาดี ส่งงานทันตามเวลาที่กำหนด แต่ไม่ใช่ว่าจะมีมุมที่เงียบแบบนี้เพียงอย่างเดียวนะคะ เพราะในทีมก็มีการจัดกิจกรรมพูดคุยกันเพื่อลดความเงียบเหงา และความตึงเครียดจากงาน โดยทุกเย็นทีมจะมีจัดเป็น Meeting เล็ก ๆ ประมาณ 15 นาที เอาไว้พูดคุยเรื่องต่าง ๆ ซึ่งกันและกัน บางทีก็ผ่อนคลายด้วยการเล่นเกมด้วยกัน อย่างเช่น Among Us (ไม่รู้ว่าเรียกกระชับมิตรได้ไหมเลยค่ะเกมนี้) แบบนี้ใครที่กลัวเหงา ก็หมดห่วงเรื่องนี้ไปได้เลยค่ะ หรือว่าถ้ายังรู้สึกเหงาอยู่ เราก็สามารถนัดกับทีม เพื่อเข้าออฟฟิศเจอหน้ากัน หรือจะเปลี่ยนบรรยากาศไปทำงานร้านกาแฟ หรือต่างจังหวัด ได้ตามใจชอบเลยค่ะ
![](http://www.thinknet.co.th/service/image/s3_ckf_images/B/Screen%20Shot%202021-04-09%20at%205_30_09%20PM.png)
เห็นไหมคะว่าการ Work from Anywhere นั้นมีข้อดีต่าง ๆ มากมายเลยค่ะ โดยเฉพาะคนที่มีลักษณะนิสัยแนว Ambivert แบบบี ที่ชอบความสงบในบางช่วงนั้น ถือว่าตอบโจทย์นิสัย และลักษณะการทำงานมาก ๆ เลยค่ะ ซึ่งบีก็สรุปข้อดีไว้เป็นข้อๆ ดังนี้ค่ะ
ข้อดีของการ Work from Anywhere ที่เหมาะกับคนประเภท Ambivert
1. มีสมาธิมากขึ้น :
บางครั้งชาว Ambivert อย่างเรา การที่ได้จดจ่ออยู่กับงาน โดยที่ไม่มีเสียงดังของคนรอบข้าง ก็มักทำให้งานมีประสิทธิภาพมากขึ้น ขับเคลื่อนเราได้ดีมากขึ้นกว่าในสถานที่คนเยอะ และเสียงดัง
2. มีเวลาให้กับตัวเอง และสิ่งที่ชอบหลังเลิกงาน :
ปกติแล้วถ้าทำงานออฟฟิศที่ต้องใช้เวลาเดินทาง กว่าจะกลับถึงบ้าน ก็คงมืดค่ำกันแล้ว แต่การได้ Work from Anywhere พอเลิกงาน เราก็สามารถทำกิจกรรมที่ชอบได้ทันที โดยไม่ต้องเสียพลังงานไปกับการเดินทางกลับบ้าน (กว่าจะถึง ก็คงไม่อยากทำไรแล้วใช่ไหมคะ :)
3. ไม่ต้องกลัวเหงา :
หลายคนคงคิดว่า การไม่ได้เจอกันแบบนี้คงเหงาแน่ ๆ แต่ว่าในทุกวันของการทำงาน เราก็ยังได้ติดต่อกับคนอื่นได้ตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องงาน หรือว่าคุยเล่น ถ้าอยากเห็นหน้ากัน ก็เพียงแค่เปิดกล้อง เท่านั้นเองค่ะ
4. ได้ไปเที่ยว โดยไม่ต้องง้อวันลา :
ปกติกว่าจะได้ไปเที่ยวกันที ก็คงต้องรอวันหยุดยาว หรือไม่ก็ต้องใช้ลาพักร้อน แต่ถ้าได้ Work from Anywhere แล้วไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน ขอเพียงมี Internet ก็สามารถเข้างาน ได้ทุกที่ โดยไม่ต้องรอวันหยุดเพื่อไปเที่ยวได้เลยค่ะ (ถือว่าเปลี่ยนบรรยากาศการทำงานไปในตัวเลยค่ะ)
5. มีเวลายืดหยุ่นมากขึ้น :
บางครั้งขณะทำงาน เกิดติดธุระด่วน จะเลิกงานเลยก็ไม่ได้ ยังไม่ถึงเวลาเลิกงาน ก็ดูจะพะวงไปหมด แต่เมื่อได้ Work from Anywhere แล้ว เราเพียงบอกหัวหน้างาน กับทีมเอาไว้ เพียงเท่านี้เราก็สามารถออกไปทำธุระได้อย่างสบายใจ โดยที่ไม่จำเป็นต้องรอเวลาเลิกงาน หรือต้องใช้วันลาต่าง ๆ เลยค่ะ
- ถ้าใครสนใจอยากลองเปิดประสบการณ์ใหม่ในการทำงานสไตล์ Work from Anywhere แบบบี
ก็สามารถเข้ามาดูตำแหน่งงานของ THiNKNET ได้ ที่นี่ -