โลกแห่งการทำงานนั้นเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นคนทำงานวัยไหนต่างก็ต้องอัปเดตความรู้ของตัวเองอยู่เสมอเพื่อก้าวให้ทันโลก เช่นเดียวกันกับน้อง ๆ นักศึกษาที่กำลังจะก้าวเข้าสู่โลกการทำงาน การฝึกงานจึงเปรียบเสมือนก้าวแรกสู่การทำงานและสัมผัสประสบการณ์จริงนอกห้องเรียน ซึ่งการฝึกงานกับ THiNKNET ก็เปิดโอกาสให้น้อง ๆ ได้เรียนรู้เทรนด์การทำงานใหม่ ๆ ที่องค์กรธุรกิจใช้กันอยู่ในปัจจุบัน รวมถึงได้ทำงานอย่างอิสระตามสไตล์ที่ถนัดและมีความยืดหยุ่นด้วยรูปแบบ Work from Anywhere (WFA) วันนี้เราจะพาไปคุยกับน้องพจน์  นักศึกษาฝึกงานในตำแหน่ง Software Engineer มาดูกันว่าในการฝึกงานครั้งนี้ ได้ให้ประสบการณ์ที่เป็นประโยชน์ และสามารถเอาไปใช้ในการทำงานจริงในอนาคตได้อย่างไรบ้าง 

แนะนำตัวหน่อย ชื่ออะไร เรียนคณะอะไร ที่ไหน ปีไหน 

ชื่อ นาย พจนรินทร์ นันตะ ชื่อเล่น พจน์ ครับ ตอนนี้กำลังเรียนคณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ ที่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี ปัจจุบันเป็นนักศึกษาชั้นปีที่ 4 ครับ

พจน์ฝึกงานที่ THiNKNET ได้รับผิดชอบงานส่วนไหนบ้าง กระบวนการทํางานเป็นยังไง ทําอะไรบ้าง เล่าให้ฟังหน่อย

ฝึกงานในตำแหน่ง Software Engineer ครับ ได้รับผิดชอบในการเป็นส่วนหนึ่งของทีมทำระบบดูสถิติในการใช้งานบางอย่างของ JobThai เพื่อให้ทีม Customer Support ของบริษัท THiNKNET ได้ใช้งาน โดยในช่วงเดือนแรกจะมี Bootcamp ในการเตรียมความพร้อม และความรู้ที่จะต้องใช้ หลังจากนั้นในเดือนที่สองก็จะให้ใช้กระบวนการทำงานแบบเป็นทีม ประชุมกันทุกวันทำงานช่วงเวลา 10.30 น. และอีกครั้งตอน 16.30 น. ในช่วงแรกของการทำงานจะมีการประชุมวางแผนถึงส่วนประกอบต่าง ๆ ของระบบ และแบ่งงานที่จะต้องทำต่าง ๆ ออกมาว่าทั้งหมดมีอะไรบ้าง แล้วจะให้เลือกงานที่จะทำของตัวเองออกมาจากที่แบ่งไว้ ซึ่งเพื่อน ๆ นักศึกษาฝึกงานในทีมแต่ละคนก็จะรับผิดชอบในส่วนของตัวเอง โดยงานทั้งหมดนั้นจะครอบคลุมถึงส่วนต่าง ๆ ของระบบที่ทำ ทั้งในเบื้องหน้า เบื้องหลัง และส่วนเชื่อมต่อกลางด้วยครับ  

หน้าที่ที่พจน์ได้รับผิดชอบต้องใช้ทักษะอะไรบ้าง ได้เรียนรู้อะไรบ้างจากการฝึกงานที่นี่ ทั้ง Hard Skills และ Soft Skills  

ได้ใช้ทักษะของการคิด การร่วมกันวางแผน การสอบถามเมื่อเกิดปัญหา หรือ ข้อสงสัย และใช้ทักษะของการเขียน Code ครับ โดยการฝึกงานครั้งนี้ได้เรียนรู้ในเรื่องของ Hard Skills จาก Bootcamp ที่ได้มีการจัดไว้ให้ ทำให้ได้ความรู้ในส่วนต่าง ๆ ที่ใช้ในการสร้างเว็บจริง ที่ไม่ได้มีสอนในห้องเรียนอีกด้วย และได้ทักษะ Soft Skills จากการประชุมที่มีการจัดทุกวัน โดยจะเป็นลักษณะการเล่าถึงงานที่ทำว่าถึงไหนแล้ว ทำอะไรเสร็จไปบ้าง และเกิดปัญหาอะไรบ้างครับ ทำให้มีการพูดคุยกันในกลุ่มอยู่ตลอดเวลา และมีการประชุมครั้งใหญ่ตอนวางแผนในการปฏิบัติโปรเจกต์ที่ได้รับมอบหมายให้ทำในเดือนที่สอง ซึ่งจะมีการพูดคุย และแสดงความคิดเห็นตลอดเวลาครับ นอกจากนี้ยังมีการติดต่อพี่ ๆ จากภายนอกที่ไม่ได้เป็นพี่ที่ปรึกษาฝึกงาน และต้องใช้ความร่วมมือกันในทีมในการทำงานจริงเพื่อให้งานออกมาได้ตรงตามที่ต้องการไว้ครับ 

พจน์มีโอกาสใช้ความคิดสร้างสรรค์ในการทํางานยังไงบ้าง 

มีโอกาสได้ใช้ความคิดสร้างสรรค์ในการร่วมกันแสดงความเห็นในการแก้ปัญหา และการจัดการโปรเจกต์ที่ได้รับมอบหมายมาให้ทำครับ เนื่องจากมีการเปิดให้สามารถแก้ไข และทำงานได้ตามที่ต้องการ ทุกแผนการมาจากการร่วมกันคิดของภายในกลุ่มครับ

พจน์มีปัญหาเรื่อง Skill Gap บ้างไหม มีเทคนิคยังไงในการพัฒนาทักษะที่ไม่ถนัดเหล่านั้น

มีปัญหาในเรื่อง Skill Gap เป็นบางครั้งครับ ซึ่งจะเป็นเรื่องที่ไม่ได้เรียนมาจากมหาวิทยาลัยเป็นส่วนใหญ่ แก้ไขโดยการถามกันเองในทีม และถามพี่ ๆ รวมถึงศึกษาในส่วนที่ไม่รู้เพิ่มเติมเพื่อให้สามารถแก้ไขปัญหาที่ติดอยู่ได้และเผื่อจะต้องใช้ในการทำงานในอนาคตด้วยครับ

นอกจากเรื่อง Skill Gap แล้วในช่วงที่ผ่านมาพจน์ได้พัฒนาตัวเองในเรื่องไหนอีกบ้าง  

ได้พัฒนาตัวเองโดยการค้นหาความรู้เพิ่มเติมผ่านทางอินเทอร์เน็ต และอ่าน Document ที่เกี่ยวข้องกับการทำงานเพื่อทำความเข้าใจและทำงานได้ดีมากยิ่งขึ้นครับ

พจน์ได้เรียนรู้ทักษะที่ได้จากการทํางาน และสามารถเอาไปต่อยอดให้กับตัวเองได้ยังไงบ้าง

สามารถนำไปต่อยอดในการทำโปรเจกต์และการทำงานจริงครับ จากประสบการณ์ที่ผ่านมา ทำให้ผมเข้าใจในแนวทาง และบรรยากาศของที่ทำงานที่เขาทำงานกันจริง ๆ ทำให้เป็นการเตรียมตัวที่ดีเพื่อก้าวสู่ชีวิตวัยทำงานหลังจากจบการเรียนแล้วครับ

พจน์เป็นคนที่มีสไตล์การทํางานเป็นยังไงบ้าง 

ผมมีสไตล์การทํางานแบบชอบทํางานคนเดียวครับ อาจจะมีเปิดเพลง หรือ Podcast ฟังเป็นเบื้องหลังระหว่างทำงาน แต่จะเงียบ ๆ เวลาใช้ความคิดครับ 

พจน์รู้สึกยังไงที่ THiNKNET ไม่ได้จํากัดสถานที่ทํางาน และสิ่งที่ชอบในการ WFA คืออะไร 

รู้สึกดี และเป็นอิสระในการทำงานมากครับ สิ่งที่ชอบในการ WFA คือ การประหยัดเวลา และค่าโดยสารในการเดินทางตอนเช้าและตอนเย็น ทำให้มีเวลาและพลังงานพอที่จะผ่อนคลาย รวมไปถึงการได้ทำงานอดิเรกที่สร้างความสุขและเพิ่มสีสันในการใช้ชีวิตที่มากกว่าการทำงานครับ 

พจน์คิดว่าการ WFA มีส่วนช่วยสร้าง Passion มากน้อยเพียงใด และยังไงบ้าง 

WFA นั้นมีส่วนช่วยสร้าง Passion ในการทํางานให้เรามากเลยครับ และผลลัพธ์ในการทำงานก็ขึ้นอยู่กับตัวผู้ทำงานเอง สำหรับผมคิดว่าช่วยให้ในการทำงานแต่ละวันนั้นมีพลังงานมากขึ้น และช่วยให้มีเวลาใช้ชีวิต และมีความเป็นส่วนตัวมาก ทำให้ไม่เหนื่อยง่ายในการทำงานครับ 

พจน์มีความคิดเห็นยังไงกับคํากล่าวที่ว่า “สิ่งแวดล้อมและบรรยากาศของการทํางานมีผลต่อความคิดสร้างสรรค์” และคิดว่าการทํางานที่บ้านทําให้มีสมาธิในการทํางานมากขึ้นไหม 

ผมเห็นด้วยกับคำกล่าวข้างต้นครับ และคิดว่าการทำงานที่บ้านนั้นมีผลต่อสมาธิ แต่ผลในทางที่ดีหรือไม่ดีนั้นขึ้นอยู่กับบุคลิกส่วนตัวของแต่ละคนครับ  สำหรับผมแล้ว การทำงานที่บ้านทำให้มีสมาธิในการใช้ความคิดของตัวเองมากขึ้น และปกติผมชอบที่จะทำงานที่บ้านของตัวเองเพราะมีความสะดวกสบายมากกว่าอยู่ข้างนอกครับ 

การฝึกงานแบบ WFA เป็นยังไงบ้าง พี่ ๆ มีวิธีการสอนงานและให้คําแนะนําการทํางานยังไง และคิดว่าทํางานแบบ WFA ยากไหม มีความท้าทายยังไงบ้าง  

การฝึกงานแบบ WFA นั้นมีความสะดวกสบายในการทำงานมากครับ เพราะมีพี่ ๆ มาดูแลเราอยู่เสมอ ทั้งตอนเรียนรู้ และตอนมีปัญหา โดยพี่ ๆ เขาจะคอยช่วยเหลือและให้คำแนะนำผ่านทางการแชร์หน้าจอครับ สำหรับการฝึกงานแบบ WFA นั้นก็มีความยากและท้าทายในแบบของตัวมันเอง ซึ่งอาจจะใช้เวลาในการปรับตัวในช่วงแรก แต่ช่วงหลัง ๆ ก็เริ่มที่จะเป็นอุปสรรคน้อยลงและทำงานได้อย่างราบรื่นมากยิ่งขึ้นครับ 

ถ้ารู้สึกเหนื่อยหรือเหงามีวิธีการสร้าง Passion ในการทํางานให้ตัวเองยังไงบ้าง

ส่วนตัวผมจะฟังเพลง ดูหนัง และออกกำลังกายหลังทำงานเสร็จครับ แต่ในระหว่างทำงานจะมีการลุกออกไปเดิน หรือพักสายตาสักพักหนึ่งเพื่อผ่อนคลายให้ตัวเอง ไม่ล้ามากเกินไปครับ

เมื่อทํางานแบบ WFA บรรยากาศการทํางานกับคนอื่นๆ เป็นยังไง มีวิธีการทํางานร่วมกับทีมยังไงบ้าง  

บรรยากาศการทำงานแบบ WFA ค่อนข้างสงบ และเงียบเหงาเป็นส่วนใหญ่เพราะอยู่คนเดียวครับ ส่วนวิธีการทำงานร่วมกับคนอื่น ๆ ก็มีการสื่อสารกันทั้งในทีมและแผนกอื่น ๆ ผ่านทางระบบ Chat ของMicrosoft Teams ที่ใช้งานง่าย และถ้าเป็นงานที่ต้องใช้เสียงพูดคุยกัน ก็จะติดต่อกันผ่านทาง Discordเป็นหลักครับ 

เวลามีปัญหาเกิดขึ้นระหว่างการทํางาน การที่เรา WFA ทํางานอยู่คนเดียวส่งผลต่อการทําความเข้าใจปัญหาที่เกิดขึ้นและการแก้ไขปัญหาไหม 

อาจจะทำให้เสียเวลาในบางปัญหา เพราะส่วนใหญ่ผมจะพยายามแก้ไขด้วยตัวเองก่อนครับ แต่บางครั้งจะแก้ไขได้เร็วกว่าถ้าถามพี่ ๆ หรือเพื่อนร่วมทีม แต่ปกติแล้ว ลักษณะของงานที่ทำอยู่ ก็สามารถอธิบายปัญหาและโชว์หน้าจอผ่านระบบ Online ได้เลยครับ 

การ WFA มีผลต่อความสัมพันธ์กับเพื่อนร่วมงานทั้งในและนอกแผนกมากน้อยยังไง 

เพื่อนในทีมก็มีการพูดคุยเล่นกันบ้าง และได้ทำความรู้จักกันพอสมควรทุกครั้งที่ได้มีการนัดรวมที่บริษัท จึงไม่ค่อยมีปัญหาอะไรครับ ส่วนความสัมพันธ์กับเพื่อนนอกแผนกไม่ค่อยมีเท่าไหร่เพราะไม่ได้ทำงานร่วมกันเลยครับ

มีกิจกรรมหรือวิธีการทํางานอะไรในทีมหรือของบริษัทบ้างไหมที่ทําให้รู้จักกับคนในทีมมากขึ้นหรือช่วยให้ WFA ง่ายขึ้น

มีการนัดรวมตัวไปทำงานที่บริษัท เพื่อกินเลี้ยงต่อหลังเลิกงาน ซึ่งช่วยให้สนิทกับทั้งคนในทีมและพี่ ๆ ในแผนกมากขึ้น รวมถึงมีการจัดกิจกรรมปฐมนิเทศเพื่อแนะนำพนักงานใหม่ด้วยครับ 

การ WFA ทําให้พจน์ได้เรียนรู้เกี่ยวกับการทํางานแบบทีมเวิร์กยังไงบ้าง 

ได้เรียนรู้ในการแสดงออกทางความเห็น และการพูดคุยติดต่อกันเป็นอย่างมาก เพราะงานที่ทำจะสำเร็จขึ้นกับทักษะเหล่านี้เลยครับ

พจน์รู้จัก THiNKNET ได้ยังไง ทําไมถึงเลือกฝึกงานที่นี่ แล้วพอได้ทํางานจริงรู้สึกยังไงบ้าง เหมือนหรือแตกต่างจากที่จินตนาการไว้ยังไงบ้าง

รู้จักผ่านทาง Job Fair ที่จัดที่มหาวิทยาลัยครับ และหลังจากศึกษาเพิ่มเติมแล้วได้เลือก THiNKNETเพราะที่ทำงานไม่ไกลจากบ้านที่อาศัยอยู่มาก ยิ่งไปกว่านั้น ที่นี่มีการทำ Bootcamp เพื่อเตรียมความรู้สำหรับคนที่ไม่เคยลองทำงานจริงมาก่อน และยังมีทางเลือกให้ WFA อีกด้วย แล้วหลังจากที่ได้ทำงานจริงก็รู้สึกสนุกตื่นเต้นไปกับการทำงานแบบใหม่ ๆ อยู่ตลอด สิ่งที่ต่างจากที่คิดไว้คือเรื่องของบรรยากาศการทำงาน WFA เพราะว่าการได้มาลองทำงานจริงที่นี่เป็นบรรยากาศที่ดีมาก และพนักงานทุกคนก็เป็นกันเองมากเลยครับ 

ถ้าจะให้นิยามการทํางานที่ THiNKNET พจน์จะนิยามว่ายังไงดี

ที่ทำงานที่ดี สนุก และเป็นกันเองกับทุกคน 

พจน์ช่วยเล่า Moment หรือประสบการณ์การทํางานที่ประทับใจให้ฟังหน่อย 

วันที่ผมประทับใจคือวันที่มีการนัดเข้ามาทำงานที่บริษัท ซึ่งอยู่ในช่วงของการวางแผนงาน ทำให้มีการแลกเปลี่ยนพูดคุยความเห็นกันเยอะมาก และได้เห็นขั้นตอนการทำงานที่รวดเร็ว ทำให้รู้สึกดีในการทำงานครับ นอกจากการทำงานแล้ว วันนั้นก็มีกิจกรรมกินเลี้ยงทั้งตอนมื้อเที่ยงและมื้อเย็นพร้อมกันในทีมกับพี่ ๆ ทั้งที่รู้จักอยู่แล้ว และไม่เคยรู้จักมาก่อน ทำให้ได้บรรยากาศและประสบการณ์ที่ดีในการทำงาน เป็นวันที่น่าจดจำมากครับ 

นอกจากพาร์ทการทํางานหลังเลิกงาน พจน์ทํากิจกรรมหรือมีงานอดิเรกอะไรบ้าง  

การทำงานแบบ WFA ทำให้ผมมีเวลาเหลือในการออกกำลังกายซึ่งเป็นสิ่งที่อยากจะทำอยู่แล้วครับ และเวลาตรงนี้ก็ได้ใช้ทำกิจกรรมที่เป็นประโยชน์กับชีวิตส่วนตัว อย่างการไปเที่ยว หรือเดินซื้อของกับคนที่บ้าน ทำให้ได้ใช้เวลากับคนในครอบครัวมากยิ่งขึ้นครับ 

หลังจบการฝึกงานแล้วพจน์ได้ทำ Side Project กับ THiNKNET ต่อ เป็นงานอะไร และลักษณะวิธีการการทํางานเป็นยังไงบ้าง 

เป็นงานทำระบบดูสถิติการใช้งานของ JobThai ต่อจากที่ทำไว้ในช่วงฝึกงาน ซึ่งลักษณะวิธีการทำงานจะเป็นแบบ Freelance ครับ เพราะสามารถเลือกวัน และเวลาในการทำงานได้ด้วยตัวเอง จึงเหมาะกับการเรียนไปทำงานไปมากที่สุดครับ 

ทําไมถึงตัดสินใจทํา Side Project กับ THiNKNET ต่อ 

เพราะเป็นการสานต่องานที่ผมทำไว้ให้เสร็จสมบูรณ์มากยิ่งขึ้นครับ นอกจากนี้ยังเป็นการใช้เวลาว่างในช่วงปีสุดท้ายให้มีประโยชน์มากที่สุดด้วยครับ 

จากคำบอกเล่าของน้องพจน์ เราคงได้เห็นแล้วว่าการฝึกงานนั้นมีประโยชน์มากมายและทำให้เราก้าวสู่โลกการทำงานได้อย่างมั่นใจมากขึ้น นอกจากจะได้พัฒนาทักษะที่จำเป็นต่อการทำงานล่วงหน้าก่อนจบการศึกษาแล้ว การฝึกงานที่ THiNKNET ยังทำให้น้องเห็นว่าเราตอบโจทย์รูปแบบการทำงานที่หลากหลาย ทั้งการทำงานที่ออฟฟิศ การทำงานแบบ Work from Anywhere หรือแม้แต่การทำงานแบบ Hybrid ซึ่งไม่ว่าจะทำงานในตำแหน่ง Software Engineer หรือตำแหน่งอื่น ๆ ก็มั่นใจได้เลยว่าจะได้สัมผัสประสบการณ์การทำงานอย่างอิสระ มีความยืดหยุ่น พร้อมบรรยากาศที่เป็นกันเองจากเพื่อน ๆ พี่ ๆ ชาว THiNKNET ทุกคนอย่างแน่นอน

สำหรับผู้ที่สนใจอยากสัมผัสบรรยากาศการทำงานในแบบ THiNKNET ในตำแหน่ง Software Engineer เข้าไปดูรายละเอียดได้ ที่นี่  หรือถ้าอยากดูงานตำแหน่งงานอื่น ๆ ก็สามารถกดเข้าไปดูได้ ที่นี่