ยิมปิด แต่ Work from Anywhere ทำให้เราได้มาฟิตกันที่บ้าน

ยิมปิด แต่ Work from Anywhere ทำให้เราได้มาฟิตกันที่บ้าน
07/10/21   |   3.4k

เมื่อทางบริษัทประกาศให้สามารถทำงานจากที่ไหนก็ได้ (Work from Anywhere) ผมเลยได้ตัดสินใจย้ายที่อยู่มาอยู่บ้านเกิดที่จังหวัดนครศรีธรรมราช การใช้ชีวิตของผมก็เปลี่ยนไป จากตอนที่อยู่กรุงเทพฯ วันทำงานผมก็จะใช้เวลาช่วงเช้าหรือเย็นที่พีคฟิตเนสชั้น 5 ของตึก United Center ที่ทำการของ Office เรานั่นเอง


เวลาออกกำลังกายในแต่ละวันจะอยู่ที่ประมาณ 1 ชั่วโมง เพราะต้องรีบกลับบ้าน อยากรีบกลับบ้านไปหาเด็ก ๆ ซึ่งถ้ารวมเวลาเดินทางแล้วก็จะใช้เวลาหลายชั่วโมง ทำให้เวลาไปออกกำลังกายที่ฟิตเนส ผมต้องรีบออก ต้องเผื่อเวลาอาบน้ำ เวลาพักน้อยจนทำให้เหนื่อยมาก กลับบ้านทีร่างแทบจะแหลกสลาย แถมวันเสาร์อาทิตย์ถ้าไม่พาลูกไปเที่ยวตามห้างหรือต่างจังหวัดก็จะสังสรรค์กับเพื่อน ๆ ซะส่วนใหญ่ เพราะไม่ได้มีอะไรให้ทำมากนักในวันหยุด เมื่อปี 2019 ก่อนวิกฤตการแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 น้ำหนักของผมขึ้นจาก 72 กิโลกรัม เป็น 84 กิโลกรัม ภายในช่วงเวลา 3 ปี ผลคือน้ำหนักขึ้นมาอย่างต่อเนื่องจนไม่สามารถใส่กางเกงตัวเดิมได้อีกต่อไป 

 

คุณพ่อสาย Dev แชร์ประสบการณ์ Work from Anywhere จากนครศรีธรรมราช

 

แต่พอได้มา Work from Home อยู่ที่นครศรีธรรมราช ในวันหยุดหลัก ๆ ผมจะเข้าสวนไปปรับปรุงพื้นที่รกร้างเพื่อพัฒนาให้สามารถทำประโยชน์อื่น ๆ เพิ่มเติมได้ เนื่องจากสวนไม่ได้ดูแลมาเป็นเวลานานกว่า 30 ปีแล้ว ทำให้ทุกอย่างต้องปรับปรุงใหม่หมด ประกอบด้วยสิ่งที่ตั้งใจไว้เลยคือ “เราจะต้องไม่เสียเงินในการออกกำลังกาย” และ “ร่างกายเราจะต้องฟิต” จากที่เคยใช้บริการฟิตเนส ค่าสมาชิกต่อปีอยู่ที่ 15,000 บาท ผมปรับการใช้ชีวิตมาทำงานในสวนวันเสาร์อาทิตย์เป็นเวลาวันละ 3 ชั่วโมง โดยเลือกทำในส่วนที่กำลังของมนุษย์ทำไหว เช่น การตัดหญ้า กำจัดวัชพืชที่เราไม่ต้องการในสวน เก็บกิ่งไม้ ใส่ปุ๋ย มองว่าส่วนที่เป็นการคาร์ดิโอเราจะทำเองหมด

 

จุดเริ่มต้นในการ Work(Out) from Home

วันแรกที่เข้าไปในสวน ด้วยความที่เรานั่งทำงานใน Office เป็นหลัก กล้ามเนื้อหลายส่วนของเราไม่ได้ใช้งาน การก้ม ๆ เงย ๆ ในที่ที่มีแดดแรง ทำให้เราหน้ามืดอย่างรวดเร็ว ทำไปได้ไม่ถึงชั่วโมง เห็นดาวเลยจ้าาา นี่ขนาดเราว่าตัวเราเองออกกำลังกายอยู่สม่ำเสมอ ทำไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้ เราเลยกลับบ้านมาพักและคิดว่าการออกกำลังกายที่ทำอยู่นั้น คงไม่เพียงพอสำหรับการไปใช้กำลังเยอะ ๆ อย่างในสวนแน่นอน จึงอยากออกกำลังกายเพื่อเพิ่มความฟิตให้ร่างกายแข็งแรงและมีประสิทธิภาพมากขึ้น


เนื่องจากตอนนี้เราไม่ต้องเดินทาง หลังเลิกงานผมก็ทำตารางฝึกการออกกำลังกายด้วยอุปกรณ์ที่มีอยู่ เพื่อเพิ่มกล้ามเนื้อส่วนที่ต้องใช้เมื่อเข้าไปทำงานในสวน ตรงนี้เลยหาพื้นที่ที่ไม่ได้ใช้งานซึ่งเป็นดาดฟ้าของบ้าน มาจัดเป็นยิมสำหรับออกกำลังกายหลังเลิกงานซะเลย อุปกรณ์ในการออกกำลังกายก็จะเป็นของเดิมที่ย้ายมาจากจากกรุงเทพฯ หลัก ๆ ก็จะออกกำลังกายด้วย Body Weight, Free Weight โดยใช้ดัมเบลและบาร์เบลเป็นหลัก

 

เริ่มวางแผนและจัดตารางในการออกกำลังกาย

ทีนี้ในสวนเราต้องทำอะไรบ้าง แบก หาม ยก คราด ดึง ดัน เดิน ปีน ลุกนั่ง ก้มเงย ก็เรียกว่าใช้กล้ามเนื้อแทบจะทุกส่วนของร่างกายเลยทีเดียว ตารางฝึกที่ผมจัดให้กับตัวเองสำหรับการออกกำลังกายประจำสัปดาห์เลยออกมาเป็นแบบนี้

 

 

จากการออกกำลังกายที่บ้านทำให้มีเวลาพักระหว่างเซตนาน จึงทำให้ไม่เหนื่อยและไม่ต้องเร่งรีบมาก ระยะเวลาที่ใช้ออกกำลังกายอยู่ที่ประมาณวันละ 2 ชั่วโมง ออกกำลังกายไปด้วยดูเด็ก ๆ เล่นไปด้วย มันลงตัวมาก ๆ นอกจากจะไม่มีค่าใช้จ่ายในการออกกำลังกายแล้ว ยังลดค่าใช้จ่ายในการจ้างคนมาดูแลสวนด้วยนะครับ เพราะหลังจากเวทเทรนนิ่ง เราสามารถใช้แรงไปทำสวนได้อย่างสบาย ๆ ทำจนพอใจ ได้ทำประโยชน์ให้กับพื้นที่รกร้าง ให้อนาคตสามารถใช้เพื่อหารายได้เสริมให้กับครบครัวได้อีก และที่แจ่มเลยคือรูปร่างและน้ำหนักลดลงมาเป็นที่น่าพอใจมาก ๆ น้ำหนักตอนนี้ลงมาแตะ 77 กิโลกรัม และกล้ามเนื้อก็แข็งแรงขึ้นเยอะด้วย

 

 

ไม่ต้องเลิกกินของที่ชอบ แค่ปรับการกินบางอย่างก็พอ

ในการออกกำลังกายครั้งนี้ เป็นการออกกำลังกายเพื่อพัฒนากล้ามเนื้อไว้ใช้งาน ซึ่งผลพลอยได้ก็คือเมื่อระบบเผาผลาญดี ไขมันสะสมก็ถูกดึงไปใช้ได้ง่ายขึ้น ผมจึงไม่ได้ควบคุมอาหารมากนัก เพียงแต่ปรับเปลี่ยนบางอย่าง เช่น หันมาทานข้าวกล้องแทนข้าวขาวแทน และเพิ่มปริมาณโปรตีนในมืออาหาร จึงจะเห็นได้ว่า Body Fat จะไม่ค่อยลดลงด้วยความที่ยังชอบทานหมูกรอบ ขาหมู และเนื้อติดมันเป็นชีวิตจิตใจ และวันเสาร์อาทิตย์พักผ่อนก็ยังมีการดื่มเบียร์อยู่บ้างครับ


หากต้องการลด Body Fat ให้ถึง 12-15% จะต้องควบคุมอาหารด้วยถึงจะเห็นผลมากครับ อาหารที่ผมทานส่วนมากจะเป็นอาหารที่ให้พลังงานค่อนข้างสูง เน้นโปรตีน คาร์โบไฮเดรต และยังมีไขมันบ้าง เพื่อให้มีแรงในการออกกำลังกาย แต่จะกำหนดช่วงเวลาทานอาหารอยู่ที่ 8.00 - 17.30 น. ครับ เพื่อให้มีช่วงเวลาที่ร่างกายได้เผาผลาญพลังงานส่วนเกินออกไปครับ ตรงนี้ถ้าน้ำหนักไม่เกินเกณฑ์มากก็สามารถทานอาหารได้ตามปกติเลยครับเพราะการออกกำลังกายแบบมีแรงต้านช่วยสร้างกล้ามเนื้อจึงทำให้ระบบการเผาผลาญพลังงานในร่างกายดีขึ้นด้วย ถ้าเราไม่ได้ทานมากจนเกินไปนะครับ

 

 

แนะนำอุปกรณ์ที่ต้องมีถ้าจะเริ่ม Work(Out) from Home

หลัก ๆ อุปกรณ์ที่ใช้ในช่วงเริ่มแรก เราอาจจะยังไม่ต้องใช้อุปกรณ์อะไรมาก อาจมีเสื่อโยคะสักผืนเพื่อใช้รองกับพื้นเพื่อลดแรงกดทับ ตัวเสื่อถ้าจะให้ดีก็เลือกที่มีความหนาหน่อยครับ ไว้ใช้สำหรับ Body Weight ได้เยอะมาก ๆ เช่น ท่า Plank, Hip Raise, Leg Raise, Abs Crunch, Sit-Up และท่าอื่น ๆ ที่ต้องนอนหงาย หรือคว่ำลงกับพื้น ซึ่งในช่วงแรกเรายังไม่ต้องใช้พื้นที่มากนัก เพียงแต่ให้ในส่วนพื้นที่ที่เราออกกำลังกายมีอากาศถ่ายเทได้สะดวกครับ

 

 

อีกอุปกรณ์นึงที่เหมือนจะไม่จำเป็น แต่มีไว้จะดีมาก ๆ เลยครับ ซึ่งตัวนี้จะทำให้เราสามารถมองเห็นความเปลี่ยนแปลงและสร้างขวัญกำลังใจในการออกกำลังกายได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว ไอเท็มนั้นคือกระจกเงานี่เองครับ ยิ่งบานใหญ่ ๆ ก็จะยิ่งดี ตัวนี้ไว้สำหรับดูตอนเวลาเราออกกำลังกาย ดูท่าทาง (Posture) ให้ถูกต้องและหลังจากออกกำลังกายเสร็จใช้ถ่ายรูปเก็บไว้ดูความเปลี่ยนแปลงได้ด้วยครับ

 

 

อุปกรณ์ต่อไปตัวนี้เมื่อร่างกายเราเริ่มมีความแข็งแรงมากขึ้นการ Body Weight ด้วยร่างกายของเราในบางท่าอาจจะง่ายเกินไปแล้ว เราต้องค่อย ๆ เพิ่มแรงต้านเข้าไป อุปกรณ์ตัวนี้คือ ดัมเบล สำหรับตัวผมนั้นเป็นอุปกรณ์หลักในการใช้ในการออกกำลังกายเลยครับ โดยเริ่มซื้อตั้งแต่ 1.5 KG, 2.5 KG, 5 KG, 10 KG และดัมเบลปรับน้ำหนักปรับได้สูงสุด 24 KG ดัมเบลสามารถปรับรูปแบบการออกกำลังกายได้หลากหลายท่าที่เรียกกันว่า Free Weight นั้นเองครับ


เราสามารถใช้ดัมเบลออกกำลังกายได้ทั้งส่วน แขน ไหล่ อก หลัง ขา และหน้าท้องเลยนะครับ ตัวนี้สามารถมีเก็บไว้ใช้ได้หลายช่วงน้ำหนัก แต่ละท่าในแต่ละกล้ามเนื้อเราจะใช้น้ำหนักไม่เหมือนกัน อย่างการวอมร่างกายที่หัวไหล่ ผมใช้น้ำหนัก 1.5 - 2.5 กิโลกรัม วอร์มก่อนเล่นเสมอ เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดการบาดเจ็บได้ครับ


ส่วนดัมเบลปรับน้ำหนัก หากเราไม่มีดัมเบลแบบปรับน้ำหนักและเราต้องการเพิ่มความเข้มข้นในการออกกำลังกาย สามารถใช้วิธีการเพิ่มเซต หรือเพิ่มจำนวนครั้งในเซตนั้น ๆ ได้ครับ

 

 

ต่อไปจะเป็นอุปกรณ์ไว้สำหรับสนับสนุนการออกกำลังกายแบบ Free Weight เพื่อเพิ่มความเข้มข้นขึ้นไปอีกหน่อยคือ ม้านอนและบาร์เบล ตัวนี้จะทำให้เราสามารถเจาะจงการบริหารกล้ามเนื้อในจุดต่าง ๆ ได้ดีขึ้นด้วยครับ ส่วนบาร์เบลนั้นจำเป็นต้องมีเมื่อต้องการใช้น้ำหนักมาก ๆ และยังไม่แข็งแรงพอที่จะใช้น้ำหนักเดียวกันกับดัมเบล ตัวนี้ถ้าไม่มีก็ปรับลดน้ำหนักของดัมเบลลงมาก่อนได้ครับ

 

 

ตัวต่อไปนะครับ ตัวนี้จะเป็นอุปกรณ์ค่อนข้างใหญ่และกินพื้นที่ตัวนึง ไว้สำหรับออกกำลังกายแบบ Body Weight และอีกตัวนึงจะเป็นไว้สำหรับการ Cardio คือบาร์โหนกับเครื่องเดินวงรี (Elliptical)


ตัวบาร์โหนนั้นสามารถใช้ออกกำลังกายแบบ Body Weight ได้อย่างมีประสิทธิภาพมาก เนื่องจากเป็นการใช้น้ำหนักของตัวเราเองเป็นแรงต้าน ซึ่งอุปกรณ์ตัวนี้จะใช้ความแข็งแรงของกล้ามเนื้อพอสมควรจึงเป็นตัวเลือกหลัง ๆ ได้เลยครับ ไม่เช่นนั้นอาจจะกลายเป็นราวตากผ้าได้ ^^ ส่วนเครื่องเดินวงรีตัวนี้ใช้ได้ทุกเพศทุกวัยครับใช้งานง่ายประสิทธิภาพสูงและลดความเสี่ยงที่จะบาดเจ็บในการออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอครับ ที่สำคัญสำหรับเพื่อน ๆ ที่อยู่คอนโดหรือห้องพัก ตัวนี้ไม่สงเสียงรบกวนเพื่อนบ้านด้วยครับ

 

 

และชิ้นสุดท้ายคิดว่าที่บ้านเพื่อน ๆ น่าจะมีกันทุกคนคือ พัดลมครับ จะว่าไปเวลาเราออกกำลังกายเนี่ย เหงื่อท่วมเลยนะครับ ได้พัดลมสักตัวแรง ๆ ใหญ่ ๆ ทำให้อากาศถ่ายเทได้สะดวกก็จะดีมากเลยครับ

 

 

สุดท้ายนี้อยากบอกว่าการ Work from Anywhere เป็นนโยบายที่ตอบโจทย์กับการทำงานและการใช้ชีวิตเป็นอย่างมากครับ ต้องขอขอบคุณนโยบายดีดีที่มีให้กับพวกเราทุกคนด้วยครับ

tags : workout fitness work work from home work life balance thinknet life style work from anywhere



ติดตามข่าวสารและเรื่องราวดีๆ ทาง Email