มนุษย์ยุคศตวรรษที่ 21 อย่างเรา ๆ คงเคยได้ยินคำว่า “Hard Skills” กับ “Soft Skills” กันมาบ้าง แน่นอนว่า 2 คำนี้ไม่ได้แปลว่า “ทักษะแข็ง” หรือ “ทักษะอ่อน” แต่มีนัยมากกว่าการแปลตรงตัว โดย Hard Skills คือ “ทักษะด้านวิชาชีพ” เช่น การใช้คอมพิวเตอร์และซอฟต์แวร์, การทำสื่อการตลาดบนช่องทางต่าง ๆ ในสังคมออนไลน์, การออกแบบ, การเขียน, ความสามารถด้านภาษา ฯลฯ ส่วน Soft Skills คือ “ทักษะด้านอารมณ์” เช่น ความคิดสร้างสรรค์, การควบคุมอารมณ์, สามารถทำงานเป็นทีมได้, รู้จักแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า, ความสามารถในการสื่อสารกับผู้อื่น ฯลฯ ทั้งหมดนี้ล้วนสำคัญต่อการทำงาน เรียกได้ว่าใครมี 2 ทักษะหลักข้างต้นครบถ้วน ย่อมเป็นที่ต้องการขององค์กร
โดย Hard Skills นับเป็นบันไดสำคัญในการเปิดโอกาสไปสู่ความสำเร็จ เราจึงควรสร้างบันไดให้แข็งแรงเสียก่อน ซึ่งภาษาที่ 3 ก็เป็นเรื่องน่าสนใจ ไม่ว่าจะเป็นภาษาจีนกลาง ญี่ปุ่น เยอรมัน ฝรั่งเศส เกาหลี หรือภาษาประเทศเพื่อนบ้านของเราเอง ต่างสำคัญสำหรับยุคนี้และเป็นที่ต้องการในตลาดด้วยเหตุผลหลายประการ
-
ประเทศคู่ค้าสำคัญ เช่น จีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ มีสาขาบริษัทหลายแห่งอยู่ในไทย แน่นอนว่าหากมีบุคลากรเป็นคนไทยที่สื่อสารภาษาเขาได้ย่อมเป็นเรื่องดี
-
ไม่เพียงแค่บริษัทคู่ค้า แต่บริษัทอื่น ๆ ในไทยเราเองก็ต้องการบุคลากรที่สื่อสารได้หลายภาษา โดยเฉพาะบริษัทที่ต้องการตีตลาดการค้าในประเทศอื่น ๆ
-
หากทำงานร่วมกับชาวต่างชาติ ภาษาจะช่วยให้เกิดความเข้าใจระหว่างกัน และนำไปสู่การสร้างประสิทธิภาพในการทำงานที่มากยิ่งขึ้น
-
ยุคนี้ประกอบอาชีพเดียวอาจไม่เพียงพอ ดังนั้นหากมีภาษาที่ 3 ไม่ว่าอาชีพหลักจะเป็นอะไร ก็สามารถใช้ทักษะพิเศษนี้ประกอบอาชีพเสริมช่วยหารายได้ได้อีกทาง เช่น สอนพิเศษ ล่าม นักแปล ฯลฯ
-
หากมีความคิดในการทำธุรกิจ ประเทศเพื่อนบ้านอย่างลาว เวียดนาม มาเลเซีย อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ ล้วนน่าสนใจ เพราะเป็นประเทศน่าลงทุน ใช้ต้นทุนไม่มาก จึงเป็นเป้าหมายในการเข้าไปเปิดประเทศของนักธุรกิจ ซึ่งประเทศเหล่านี้เองก็ต้องการพัฒนาประเทศของตัวเองให้ก้าวหน้าขึ้นด้วยเช่นกัน ดังนั้นนอกจากภาษาที่ 2 อย่างอังกฤษที่ใช้ได้ในบางประเทศแล้ว หากฝึกภาษาที่ 3 ซึ่งเป็นภาษาหลักของประเทศเพื่อนบ้านเหล่านี้เอาไว้ ก็จะทำให้การดำเนินธุรกิจราบรื่นมากยิ่งขึ้น
เห็นข้อดีมากมายของภาษาที่ 3 ขนาดนี้คงต้องอัปเกรดทักษะภาษาที่ 3 กันหน่อย หลายคนอาจกล้า ๆ กลัว ๆ และคิดว่าภาษาเป็นอะไรที่ยาก ไม่กล้าสื่อสาร แต่เชื่อเถอะว่าถ้าลองเปิดใจให้กับก้าวแรก ก้าวต่อไปก็จะกล้าขึ้นเอง ยิ่งยุคนี้ที่มีตัวเลือกหลากหลายเพื่อการเรียนรู้มากขึ้นก็ยิ่งง่าย ทั้งตามสื่อสังคมออนไลน์ หนังสือสอนภาษาต่าง ๆ หรือแม้กระทั่งสื่อการศึกษาในรูปแบบสวยงามดึงดูดสายตาที่สามารถใช้เรียนรู้ควบคู่ไปกับการตกแต่งบ้านได้ในครั้งเดียว
เพียงมองดูความรู้เหล่านี้บนผลิตภัณฑ์ที่ THiNKNET Design Studio ตั้งใจออกแบบมาให้น่าสนใจ ช่วยลดความยากของเนื้อหาการศึกษา ก็สามารถทำความเข้าใจได้ง่ายขึ้น อย่างเช่นสื่อการศึกษาเรื่องตัวอักษรพินอินจีน ที่ดีไซน์มาถึง 4 รูปแบบ เพื่อให้เหมาะกับทั้งผู้ต้องการเน้นใช้ในด้านการศึกษา กับรูปแบบสีแดง-ครีม และสีแดง-น้ำเงิน ที่สามารถมองดูตัวอักษรต่าง ๆ ได้อย่างชัดเจน ส่วนผู้ต้องการนำไปตกแต่งห้องก็สามารถเลือกรูปแบบสีแดง-ทอง หรือสีเขียวเข้ม-ทอง ซึ่งให้ความโดดเด่นสวยงาม ทั้งยังมีหลายประเภทให้เลือก ทั้ง Paper, Sticker, Roll-up Paper (ไม้สัก), Roll-up Canvas (ไม้สัก/ไม้โอ๊ก), Frame, Frameless, Board ไม่ว่าจะเลือกรูปแบบใด ก็สามารถเริ่มต้นเรียนรู้ภาษาจีนขั้นพื้นฐานเพื่อฝึกภาษาที่ 3 ได้เช่นกัน
ตัวอักษรพินอินจีน: แดง-ครีม/แดง-น้ำเงิน
*เขียน-ลบได้ด้วยปากกาไวท์บอร์ด
ตัวอักษรพินอินจีน: แดง-ทอง/เขียวเข้ม-ทอง
ทุกชิ้นประกอบด้วยเนื้อหาเข้าใจง่าย มีอักษรภาษาอังกฤษที่นำมาใช้แทนเสียงพยัญชนะ สระ และวรรณยุกต์ เพื่อการสะกดคำในภาษาจีน ซึ่งเป็นระบบการถ่ายทอดเสียงภาษาจีนมาตรฐาน โดยแสดงพยัญชนะ 23 เสียง สระเดี่ยว 6 เสียง สระประสม 30 เสียง และวรรณยุกต์รวม 5 เสียง ทั้งยังมีตัวอย่างคำศัพท์ภาษาจีนพร้อมคำแปลไทยให้เรียนรู้เพิ่มเติม สามารถต่อยอดไปสู่การเรียนภาษาจีนในระดับต่อ ๆ ไปได้
หากเรียนรู้ขั้นพื้นฐานไปสู่ขั้นสอบวัดระดับความสามารถทางภาษาจีน (HSK-Hanyu Shuiping Kaoshi) ตามมาตรฐานสากลได้แล้ว เรายังมีคำศัพท์ภาษาจีน HSK ที่แบ่งออกเป็นระดับ 1-6 ตั้งแต่ง่ายไปจนถึงยากอีก 2 แบบ ทั้งสีแดง-ทอง และสไตล์วินเทจ สามารถนำไปตกแต่งห้องท่องจำกันได้ โดยมีทั้งพินอิน คำอ่าน รวมถึงคำแปลไทยประกอบคำศัพท์ นับว่าการเปลี่ยนพื้นที่ส่วนหนึ่งภายในห้องให้เป็นความรู้ ก็เป็นอีกหนึ่งเทคนิคง่าย ๆ ที่ช่วยเสริม Hard Skills ได้จากการมองเห็น
คำศัพท์ภาษาจีน HSK 1-6: แดง-ทอง/วินเทจ
หากรู้สึกว่า Hard Skills ของตัวเองยังไม่เพียงพอ ก็ยังไม่สายที่จะเริ่มสร้างตั้งแต่วันนี้ หรือหากใครต้องการสร้างทักษะให้ลูกหลานก็สามารถปลูกฝังได้ตั้งแต่วัยเด็ก เริ่มจากส่งเสริมการเรียนรู้และพัฒนาทักษะด้านภาษาให้กับเด็ก ๆ ด้วยสื่อการศึกษาน่าดึงดูด ให้เขาได้ฝึกอ่าน-เขียนกระตุ้นพัฒนาการ ทั้งภาษาแม่ ภาษาที่ 2 และภาษาที่ 3 ซึ่งสามารถฝึกฝนได้จากผลิตภัณฑ์สำหรับการศึกษาที่ให้ความรู้แตกต่างกันไปตามแต่ละหมวดวิชา ทั้งยังสามารถเรียนรู้ได้ถึง 3 ภาษาพร้อมกัน เช่น อวัยวะภายในของมนุษย์ขั้นพื้นฐาน 3 ภาษา (วิทยาศาสตร์), ตัวเลขและจำนวนนับ 3 ภาษา (คณิตศาสตร์), คำศัพท์ในบ้านของฉัน 3 ภาษา (ภาษาและการสื่อสาร), สีสันรอบตัวเรา 3 ภาษา (ศิลปะ) ฯลฯ ซึ่งการฝึกฝนด้านภาษา ไม่เพียงแค่ให้ทักษะด้านวิชาชีพเท่านั้น แต่ยังช่วยเสริมทักษะด้านอารมณ์ด้วย เพราะหากรู้จักกล้าสื่อสารด้วยภาษาต่าง ๆ นั่นย่อมหมายถึงกล้าที่จะเข้าสู่สังคม โดยการสื่อสารจัดเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวัน และ Soft Skills นั้นจะพัฒนาขึ้นได้ต่อเมื่อรู้จักใช้ชีวิต ปรับตัวเข้าสู่สังคม จึงไม่แปลกหากหลายคนในยุคนี้จะฝึกฝนภาษาที่ 3 ให้แข็งแกร่ง เพื่อพัฒนาทักษะสำคัญและสร้างโอกาสใหม่ ๆ ให้กับชีวิต
THiNKNET Design Studio มีผลิตภัณฑ์มากมายให้เลือกสรร ไม่ว่าจะเป็น สื่อการเรียนรู้ในรูปแบบต่าง ๆ แผนที่เพื่อการวางแผนธุรกิจ รวมถึงหนังสือคู่มือท่องเที่ยว "เที่ยว ล่า สุด" หนังสือท่องเที่ยวที่ออกตามล่าหาความเป็นที่สุดในทุก ๆ การเดินทาง
ติดตามความเคลื่อนไหวได้ที่ Facebook : THiNKNETDesignStudio
ซื้อสินค้าสื่อการเรียนรู้อื่น ๆ แผนที่เพื่อการตกแต่ง และหนังสือคู่มือท่องเที่ยวได้ ที่นี่
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม Line : @thinknetdesign
Tel: 02 353 6900