คุยกับจ๊อบ from Anywhere กับการเป็น Software Engineer น้องใหม่ของ THiNKNET

คุยกับจ๊อบ from Anywhere กับการเป็น Software Engineer น้องใหม่ของ THiNKNET
08/07/22   |   3k

Software Engineer อีกหนึ่งตำแหน่งที่ขาดไม่ได้สำหรับบริษัทที่ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับแพลตฟอร์มออนไลน์ ไม่ว่าจะเป็นเว็บไซต์ โปรแกรม หรือแอปพลิเคชัน เพื่อให้บริการต่าง ๆ ของบริษัทสามารถทำงานได้อย่างราบรื่น และไม่ให้เกิด Software Bug (จุดบกพร่อง) ซึ่งวันนี้เราจะมาทำความรู้จักกับเพื่อนร่วมงานอีกหนึ่งคนของ THiNKNET ที่ชื่อว่า จ๊อบ ปฐมพร ปั่นแก้ว Software Engineer ที่เพิ่งเข้ามาทำงานได้เพียงหนึ่งปี ในรูปแบบการทำงานแบบ Work from Anywhere 

 

ชื่ออะไร ทำงานตำแหน่งอะไร และทำมานานแค่ไหนแล้ว?

ปฐมพร ปั่นแก้ว ชื่อเล่น จ๊อบ ทำงานตำแหน่ง Software Engineer ที่ THiNKNET ตอนนี้ทำมาได้ 1 ปี 2 เดือนแล้วครับ

 

หน้าที่รับผิดชอบในตำแหน่งงานนี้ต้องทำอะไร และต้องใช้ทักษะอะไรในการทำงานบ้าง?

พัฒนาและดูแลในส่วนของระบบของ JobThai ทั้งหมดครับ ทั้งหน้าบ้านที่ User ของ JobThai ได้เห็นและใช้กันและระบบหลังบ้าน ซึ่งทักษะหลัก ๆ ที่ต้องใช้ในการทำงานนี้คือ ทักษะในการเขียนโปรแกรม จัดลำดับความสำคัญในการวางแผนงาน และทักษะในการสื่อสาร ซึ่งเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุดเพื่อจะได้ทำงานกับคนอื่นได้อย่างราบรื่น และทำงานที่มอบหมายได้

 

มีโอกาสได้เสนอ Project หรือเริ่มกิจกรรมอะไรใหม่ ๆ มั้ยลองยกตัวอย่างให้ฟังหน่อย?

ได้เสนอแนวทางการแก้ปัญหาจากปัญหาที่เจออยู่ในระหว่างทำงาน เช่น การใช้ภาษาการเขียนโปรแกรม เมื่อเจอปัญหาแบบนี้บ่อย ๆ เลยลองเสนอ Solutions ที่ตัวเองเคยใช้  อธิบายข้อดีข้อเสีย และพี่ ๆ ในทีมก็คอยช่วยดันจน Solutions นี้สามารถทำได้จริงครับ

 

มีปัญหาเรื่อง Skill Gap บ้างไหม หรือในช่วงที่ผ่านมา ได้มีการพัฒนาตัวเองในเรื่องอะไรบ้าง?

ปัญหาเรื่อง Skill Gap ก็มีอยู่บ้าง ซึ่งการพัฒนาของผมก็คือการถามจากคนที่รู้มากกว่าและศึกษาเรื่องที่ไม่ถนัดเพิ่มเติม นอกจากนี้ก็พัฒนาในเรื่องของการสื่อสาร โดยฝึกจากการทำงานและอ่านบทความเสริมความรู้เพิ่มเติม

 

ปกติเป็นคนที่มีสไตล์การทำงานยังไง เช่น ชอบทำงานเงียบ ๆ คนเดียว หรือชอบทำงานเป็นทีม?

สลับกันไปครับ ถ้างานไหนมีความท้าทายกับตัวเองหรือจำเป็นต้องใช้ความคิดและอยู่กับตัวเอง ก็จะชอบการทำงานที่เงียบ ๆ แต่ถ้าในสภาวะปกติก็สามารถคุยกับคนอื่นในระหว่างทำงานได้หลาย ๆ เรื่อง และแลกเปลี่ยนความคิดกัน

 

เมื่อได้ Work From Anywhere (WFA) ตารางเวลาชีวิตเปลี่ยนไปยังไงบ้าง รู้สึกยังไงที่บริษัทไม่ได้จำกัดสถานที่ทำงาน?

รู้สึกว่าต้องจัดการเวลาชีวิตของตัวเองให้ดีและมีวินัยมากขึ้นครับ สิ่งที่ชอบในการWFA ก็คือสามารถเลือกที่ทำงานเองได้ ปลดล็อกอิสรภาพทางด้านเวลาได้ระดับหนึ่ง ผมคิดว่าการ WFA มีส่วนช่วยสร้าง Passion ในการทำงานให้ตัวเองได้บ้างเหมือนกัน เพราะสามารถเลือกเวลาและสถานที่ทำงานได้เอง ไม่ต้อง Fixed เวลามาก แค่ตกลงเวลากันในทีมและส่งงานให้ตรงตามเป้าหมายที่วางไว้

 

จากเดิมที่เคยทำงานที่ออฟฟิศมา พอเปลี่ยนมาทำงานแบบ WFA ยากไหม มีความท้าทายยังไงบ้าง? 

ความท้าทายที่เจอใน WFA คือการสื่อสารและบรรยากาศทำงาน เพราะการไม่เจอหน้ากันทำให้การสื่อสารลำบากขึ้น การปฏิสัมพันธ์อาจไม่มากเท่าที่ควร วิธีเอาชนะความท้าทายที่เจออยู่ก็คือ การคุยให้มากขึ้น พยายามลดกำแพงต่อกันลง และฝึกทักษะเรื่องการสื่อสารเพิ่มเติมครับ

 

มีความคิดเห็นยังไงกับคำกล่าวที่ว่า “สิ่งแวดล้อมและบรรยากาศของการทำงานมีผลต่อความคิดสร้างสรรค์”?

ส่วนตัวคิดว่าจริงครับ ถ้าบรรยากาศรอบข้างเอื้อต่อเราและเป็นในแบบที่เราชอบ ย่อมเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน ผมเลยคิดว่าการทำงาน WFA เราได้เลือกสถานที่และบรรยากาศของตัวเอง ทำให้การทำงานมีความสนุกขึ้น ปกติทำงานสลับกันระหว่างร้านกาแฟกับที่บ้านครับ 

 

พอทำงานแบบ WFA การเรียนรู้งานในช่วงทดลองงานเป็นยังไงบ้าง ภายในทีมดูแลหรือสอนงานยังไงบ้าง และเราต้องปรับตัวมากไหม?

การปรับตัวในการทำงาน จะใช้เวลาจูนกับเนื้องานและทีมประมาณ 1 เดือน ซึ่งพี่ ๆ ในทีมให้การดูแลดีมาก มีการแนะนำตลอด และตอบคำถามเราตลอด ถ้ารู้สึกเหนื่อยหรือเหงา ก็จะหาสิ่งที่ตัวเองชอบทำ ไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ตาม เพิ่มเติม Energy ให้ตัวเองก่อนอันดับแรก พอเรามี Energy เราจะก็จะสามารถหาสิ่งที่เติม Passion เราได้ไม่ยาก

 

เมื่อทำงานแบบ WFA บรรยากาศในการทำงานกับคนอื่น ๆ เป็นยังไงบ้าง มีอุปสรรคหรือปัญหาอะไรบ้างหรือเปล่า?

บรรยากาศทำกางานก็จะแบบ เงียบ ๆ แต่ไม่ถึงกับเงียบมาก ทำให้เวลาจะติดต่อสื่อสารกับคนอื่น ๆ ก็จะมีติดขัดบ้าง เนื่องจากความไม่คุ้นเคย ซึ่งก็จะมีปัญหาเกิดขึ้นบ้าง เนื่องจากความ Interactive ลดลง และความไม่คุ้นชินกับบรรยากาศเงียบ ๆ ซึ่งผมก็จะทำการละลายพฤติกรรมโดยการชวนคุยเรื่องที่ตัวเองสนใจก่อน แล้วเปิดโอกาสให้เค้าพูดสิ่งที่เค้าสนใจ จนทำให้คุยกันได้มากขึ้น

 

การ WFA มีผลต่อความสัมพันธ์กับเพื่อนร่วมงานทั้งในและนอกแผนกมากน้อยยังไง?

ส่งผลอยู่พอสมควรครับ เนื่องจากไม่ได้เจอกัน ทำให้พอหมดเวลางานก็ไม่มีกิจกรรมอะไรกันต่อ แต่ก็จะมีกิจกรรม New Staff Meeting ที่จะมีการเล่นเกมกับแผนกอื่น ๆ ด้วยกัน เวลาเย็น ๆ ใกล้เลิกงาน ทำให้คุ้นเคยกันมากขึ้น

 

นโยบาย WFA มีส่วนที่ช่วยอำนวยความสะดวกต่อการดำเนินชีวิตประจำวันยังไงบ้าง? 

ช่วยให้ไม่ต้องม Rush Hour เพราะสามารถตื่นมาทำงานหน้าคอมได้เลย หิวก็เดินไปหยิบอาหารมากินจากครัวได้ และทำให้ลดค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับที่พักลงได้ครับ 

 

พอได้ทำงานจริงกับที่นี่ รู้สึกยังไงบ้าง เหมือนหรือต่างจากที่จินตนาการไว้ยังไง?

ต่างไปนิดหน่อยครับ ที่จินตนาการไว้คือการทำงานแบบมีเดดไลน์ชัดเจน งานต้องเร่ง ต้องรีบ แล้วเราจะต้องได้ใช้ทักษะการเขียนโปรแกรมหรือทักษะอื่น ๆ ที่เรามี เพื่อ Deliver งานให้ไว้ที่สุด แต่พอได้ทำงานจริง เนื่องจากต้องดูแล Own Product ทำให้แผนงานแต่ละรอบมีความยาวนาน และมีการประชุมบ่อย ถ้าจะให้นิยามการทำงานที่ THiNKNET ก็คงจะเรียกได้ว่า Flexible Work Time and Work Place ครับ

 

ช่วยเล่า Moment หรือประสบการณ์การทำงานที่ประทับใจให้ฟังหน่อย?

การได้ทำกิจกรรมต่าง ๆ ร่วมกับทีม เช่นการเล่นเกมด้วยกันและคุยแลกเปลี่ยนกันครับ เพราะเป็นการได้รู้จักเพื่อนใหม่ ๆ และได้มีช่วงเวลาที่ดีร่วมกัน

 

แม้การต้องทำงานแบบ Work from Anywhere จะทำให้หลายคนไม่ได้เจอหน้ากัน แต่ก็ไม่ใช่อุปสรรคในการทำงานที่ THiNKNET เลย เพราะที่นี่มีกิจกรรมมากมาย ทั้งกิจกรรมที่จัดภายในทีมและนอกทีม ซึ่งถ้าอ่านแล้วอยากมาเป็นส่วนหนึ่งใน Team THiNKNET ทางบริษัทก็กำลังมองหาเพื่อนร่วมงานหลายตำแหน่ง  ที่มีความสามารถและทักษะที่เหมาะสม มาร่วมสร้างสรรค์อะไรใหม่ ๆ ไปด้วยกัน สามารถเข้าไปดูได้ ที่นี่

 

tags : thinknet การทำงาน software engineer how we work wfa work at thinknet



ติดตามข่าวสารและเรื่องราวดีๆ ทาง Email