Goode Homolosine Projection โลกเปลือกส้มของนักทำแผนที่หัวขบถ

Goode Homolosine Projection โลกเปลือกส้มของนักทำแผนที่หัวขบถ
11/10/22   |   3.3k

หากเมื่อราว 2000 ปีก่อน Eratosthenes นักภูมิศาสตร์ชาวกรีกไม่ลุกขึ้นมาบอกชาวกรีกและพิสูจน์ให้เห็นว่าโลกกลม หรือ Apollo 17 ส่งภาพโลกแบนราบกลับมา ศาสตร์แห่งการทำแผนที่คงไม่ท้าทายเท่าทุกวันนี้ เพราะการทำแผนที่จากพื้นราบง่ายกว่าการแปลงค่าจากพื้นผิวทรงกลมมาก นักทำแผนที่ยุคใหม่ตระหนักถึงข้อจำกัดเหล่านั้นดี และพยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อหาวิธีเอาชนะมัน

 

แผนที่โลกของ Eratosthenes ที่ทำขึ้นใหม่เมื่อ ค.ศ. 1883 ชี้ให้เห็นความเข้าใจเรื่องโลกกลม

[Image: https://commons.wikimedia.org/wiki/File:Mappa_di_Eratostene.jpg]

 

แผนที่โลกในยุคเก่ามักถ่ายทอดออกมาจากความรู้ความเข้าใจที่มี จนกระทั่ง ค.ศ. 1569 แผนที่แบบเมอร์เคเตอร์ได้อุบัติขึ้น ทั้งรูปลักษณ์และคุณสมบัติที่ครบครันทำให้ได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่องยาวนานจนถึงทุกวันนี้ สำหรับนักทำแผนที่ยุคหลังนั้น Mercator Projection เปรียบได้กับทั้งครูและคู่แข่งในเวลาเดียวกัน เพราะนอกจากความแม่นยำของทิศและระยะทางแล้ว การบิดเบือนของแผนที่แบบเมอร์เคเตอร์ยังท้าทายนักทำแผนที่มาทุกยุคสมัย

 

File:Mercator 1569 map small.jpg - Wikimedia Commons 

Mercator Projection แบบต้นฉบับ ค.ศ.1569

[Image: http://www.wilhelmkruecken.de/]

 

“Evil Mercater” 

คือคำวิจารย์อย่างแสบสันที่มีต่อแผนที่ระดับครูของ John Paul Goode ซึ่งได้กล่าวในที่ประชุมของ American Association of Geographers เมื่อ ค.ศ. 1908 ในบัลติมอร์ สหรัฐอเมริกา เขาคืออีกคนที่ลุกขึ้นมาท้าทายข้อจำกัด ชี้ให้เห็นว่า Mercator Projection นั้นบิดเบือนมากแค่ไหนในหลาย ๆ จุด โดยเฉพาะบริเวณขั้วโลกและเส้นองศาเหนือ เพราะแผนที่เมอร์เคเตอร์ฉายภาพจากโลกทรงกลมลงบนพื้นผิวทรงกระบอก จึงหลีกเลี่ยงความบิดเบือนได้ยาก ยังไม่นับรวมการแสดงขนาดเกินจริงของหลายพื้นที่ แล้วไม่ Evil อย่างไรกัน? 

“ก็ในเมื่อโลกกลมจริง ๆ นี่นะ” 

John Paul Goode เก็บงำความขุ่นข้องหมองใจไว้หลายปี จนกระทั่ง ค.ศ 1916 กู๊ดได้หยิบเอาแผนที่แบบ Mollweide (Homolographic) ซึ่งเป็นแผนที่แบบวงรี ใกล้เคียงกับความเป็นจริงของโลกมาทดลองสร้างเส้นโครงแผนที่ตามแบบฉบับเขาเอง ก่อนจะตกผลึกใน ค.ศ. 1923 แผนที่ไฮบริดแบบ Goode Homolosine ก็เผยโฉมออกสู่สายตาชาวโลก   

 

ถ้าการคลี่โลกทรงกลมออกมาเป็นทรงกระบอกมันสร้างปัญหามากนักก็ตัดต่อมันซะเลย 

กู๊ดเลือกเอาจุดแข็งของแผนที่แบบ Mollweide ที่มักรู้จักกันในชื่อ Homolographic มารวมกับแบบ Sinusoidal ซึ่งส่วนขั้วโลกเหนือและใต้ใช้แผนที่แบบ Mollweide ประกบกับแผนที่แบบ Sinusoidal บริเวณเส้นละติจูดที่ 40° 44'12'' ซึ่งปรากฏรอยต่อให้เห็นชัดเจน คำว่า Homolosine ในชื่อแผนที่นั้นจึงเกิดจากการฟิวชันกันของ Homolographic และ Sinusoidal อย่างไม่ต้องสงสัย

 

ค่านิยมของการสร้างเส้นโครงแผนที่ตั้งแต่ช่วงกลางศตวรรษที่ 19 เป็นต้นมา มักวางสหรัฐอเมริกาไว้จุดกึ่งกลางของแผนที่ ชนิดที่ยอมแยกยูเรเซียออกจากกันดีกว่าจะเสียตำแหน่งไป จนกลายเป็นเหมือนธรรมเนียมที่สืบต่อกันมา แต่สำหรับ John Paul Goode ที่เรียก “Evil Mercater” แล้ว ถ้าสหรัฐอเมริกาไม่โดดเด่นอยู่ตรงกลางตามสมัยนิยมจะเป็นอะไรไป

 

ตัวอย่างแผนที่โลกช่วง ค.ศ. 1891 แสดงภาพประเทศสหรัฐอเมริกาอยู่กึ่งกลางแผนที่

[Image: https://wardmapsgifts.com/]

 

ความที่ต้องการรักษาสัดส่วนโดยรวมให้มีจุดบิดเบือนน้อยที่สุด จึงต้องแลกมากับการขาดตอนของมหาสมุทร จนมองดูเหมือนกับเปลือกส้มที่ลอกออกจากผล ทำให้ Goode Homolosine Projection มีอีกชื่อคือ Orange-peel Map ซึ่งความจริงแล้วโลกและส้มก็มีลักษณะไม่ต่างกันเท่าไร หากต้องการสร้างแผนที่ที่ไม่บิดเบือนก็คงต้องค่อย ๆ ปอกผิวโลกออกมาทีละส่วนแบบนี้เช่นกัน